Aa
Aa
Aa

ตอนที่ 7

 

ไป๋ซิงสูดลมหายใจลึกๆเพื่อระงับความตื่นเต้น ถึงตัวเขาจะดูทะเยอทะยานไปบ้างจริงๆ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะประสบผลสำเร็จทั้ง2ทาง ถึงเขาจะรู้ตัวดีว่าตอนนี้เขายังฝึกฝนพลังปราณไม่ได้และบิดาของเขาจะไม่อนุญาตให้ฝึกฝนพลังปราณในตอนนี้อย่างเด็ดขาดอยู่ดี และอีกประการหนึ่งถึึงการฝึกกายาเทพอสูรถึงจะมีขั้นตอนการฝึกฝนที่ยากลำบาก แต่ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกกายาเทพอสูรนั้นเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกพลังปราณในระดับเดียวกันอย่างชัดเจน

**********

สายลมพัดวูบในห้องโถงใหญ่ชายหนุ่มผมสีดำปรากฎตัวขึ้นกลางห้องอย่างไร้ร่องรอย

ท่านเฮยเซ่อส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับไป๋ซิง “นี่คือเคล็ดวิชากายาเทพอสูรฉบับคัดย่อทั้งยี่สิบเล่มเจ้าต้องตั้งใจศึกษามันให้ดีไม่ว่าเจ้าจะเลือกเคล็ดวิชาใดมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความพยายามที่จะฝึกฝนของเจ้า”

ไป๋ฉีกล่าวเสริมขึ้นว่า “ลูกซิงคัมภีร์ฉบับคัดย่อพวกนี้จะกล่าวถึงเคล็ดวิชาในช่วงต้นพร้อมทั้งข้อมูลและรายละเอียดพื้นฐานของแต่ละเคล็ดวิชา เจ้าลองอ่านและคัดเลือกดู”

คัมภีร์คัดย่อแต่ละเล่มมีความหนาไม่มากนัก คาดว่าจัดทำขึ้นเพื่อความสะดวกในการเก็บรวบรวมในห้องสมุดของตระกูล ทั้งยังช่วยป้องกันฉบับจริงจากการถูกลักขโมย

ไป๋ซิงหยิบตำราเล่มแรกขึ้นมา

ต้ิง เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานกายาอสูรหายนะ

[เรียนรู้ - ยกเลิก]

มีกล่องข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาหลังจากที่เขาหยิบหนังสือกายาอสูรหายนะขึ้นมา มันเป็นความสามารถที่เขาค้นพบตอนกำลังอ่านหนังสือได้แล้วเพียงแค่เขากดเรียนรู้ก็สามารถได้ข้อมูลในตำราเล่มนั้นได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาอ่านเลย แต่เขาก็ชอบที่จะอ่านมันอยู่ดี

คัมภีร์เล่มบางหลายเล่มวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้ามี ‘อสูรหายนะ’ ‘เทพอสูรโลหิตนิรันดร์’ ‘กายาเปลวเพลิงพิภพ’ ‘พุทธอรหันต์ทองคำ’ ‘เทพอสูรวิญญาณไร้ลักษณ์’ ‘กายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้า’

‘กายาโลกานิรันดร์’ ‘กายาวิญญาณจิ้งจอก’ ‘พุทธะเบิกฟ้า’ ‘เทพอสูรว่างเปล่า’ อื่นๆ….

ไป๋ซิงสูดลมหายใจลึก ไม่ว่าเขาจะเลือกฝึกฝนวิชาใดก็ล้วนเป็นการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบไปชั่วชีวิตเขาเริ่มหยิบคัมภีร์เล่มแรกขึ้นพลิกอ่าน

‘อสูรหายนะ’ เป็นวิชาที่สามารถฝึกฝนและเห็นผลได้เร็วที่สุด ผู้ฝึกจะจารึกอักขระลงทั่วร่าง จากนั้นขอเพียงสามารถทนการถูกเพลิงโลกันตร์หลอมร่างแปดสิบเอ็ดครั้ง ร่างของผู้ฝึกจะเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติ สามารถพ่นเพลิงโลกันตร์ออกทางลมหายใจ แม้แขนขาขาดจากร่างก็สามารถงอกออกได้ใหม่

“อันนี้เข้าท่าแต่เราไม่ได้ให้ใครตัดร่างกายเป็นว่าเล่นละชิ”

‘เทพอสูรโลหิตนิรันดร์’ นี่ยังโหดร้ายยิ่งกว่า‘อสูรหายนะ’ ผู้ฝึกจะจารึกอักขระลงบนร่างแล้วรับทัณฑ์นรกทรมานสังขารตลอดระยะเวลาสามปี

‘กายาเปลวเพลิงพิภพ’ เป็นวิชาที่ต้องฝึกฝนร่างกายในพื้นที่ที่เปลวเพลิงใต้พิภพเผาไหม้ จนกระทั่งสามารถก้าวลงในปล่องภูเขาไฟ หากฝึกปรือถึงระดับเหนือธรรมชาติจะสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ดังใจ

“โหดจริง”

‘พุทธอรหันต์ทองคำ’ เป็นการฝึกปรือโดยอาศัยวิถีแห่งพุทธะ

“วิชาสายพุทธะไม่เหมาะกับเรา”ไป๋ซิงคิด

‘เทพอสูรวิญญาณไร้ลักษณ์’ เป็นวิชาที่ใช้เวลาฝึกปรืออย่างยาวนานแต่หากฝึกถึงระดับเหนือธรรมชาติ วิญญาณจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่ยึดติดกับคราบสังขาร ต่อให้ร่างกายถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็สามารถรวมตัวและฟื้นคืนชีพกลับมาได้ ถือเป็นวิชาที่ใช้พิทักษ์ชีวิตได้ดีที่สุด

‘กายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้า’ เคล็ดวิชากายาเทพอสูรที่ถูกยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่ง

“โอ” ดวงตาของไป๋ซิงดวงตาเปล่งประกายออกมา เขารีบไล่สายตาอ่านต่อไปด้วยความตั้งใจ

เคล็ดวิชากายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้ามีทั้งสิ้นเก้าขั้น สามขั้นแรกสำหรับให้สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติฝึกฝน สามขั้นต่อไปเป็นของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ และสามขั้นสุดท้ายสำหรับสาวกตำหนักม่วง“เพียงประการนี้ก็นับว่าสูงส่งกว่าเคล็ดวิชาอื่นแล้ว เคล็ดวิชาอื่นเพียงส่งเสริมให้ผู้ฝึกบรรลุถึงขั้นเหนือธรรมชาติ แต่กายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้ากลับสามารถช่วยให้ข้ามผ่านไปถึงขั้นตำหนักม่วงได้”

ไป๋ซิงรีบอ่านสืบต่อ

เมื่อบรรลุถึงขั้นเหนือธรรมชาติ ผู้ฝึกจะสามารถควบคุมวารีและอัคคีได้ดังใจ ร่างกายแข็งแกร่งว่องไวประสาทสัมผัสทั้งหกเฉียบคม แม้ร่างกายบางส่วนถูกตัดขาดก็สามารถงอกกลับคืนมาได้

เมื่อถึงขั้นตำหนักม่วง ผู้ฝึกปรือจะสามารถคืนชีพจากหยดโลหิต หากฝึกปรือถึงที่สุดจนบรรลุระดับปรมาจารย์หมื่นสำแดง ร่างกายของผู้ฝึกจะสามารถรองรับการฝึกเทพวิชา เช่น ‘สามเศียรหกกร’ ‘เพลิงสุริยัน’ ‘เนตรมังกรเพลิง’ ได้ ถ้าหากผู้ฝึกปรือมีโอกาสได้ครอบครองเคล็ดวิชาเหล่านั้น

แต่ไป๋ซิงก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเขาอ่านเคล็ดวิชาอื่นๆต่อจนถึง

‘กายาเทพอสูรว่างเปล่า’ทุกสรรพสิ่งเกิดจากความว่างเปล่า ความว่างเปล่ากำเนิดได้ทุกสิ่ง ทุกๆระดับขั้นต้องดูดซับกฎเกณฑ์เฉพาะตัวถึงจะสามารถข้ามขั้นต่อไปได้

กฎเกณฑ์ก็มีอยู่มากมายเช่นกฎเกณฑ์แห่งธาตุ กฎเกณฑ์แห่งจิตวิญญาณกฎเกณฑ์แห่งศาสตราและอื่นๆอีกมากมายที่ผู้ฝึกจะได้สัมผัสกับการฝึกเคล็ดวิชานี้

เมื่อบรรลุถึงขั้นเหนือธรรมชาติ ผู้ฝึกจะสามารถควบคุมพลังกฎเกณฑ์หรือทุกสรรพสิ่งที่คนคนนั้นดูดซับและใช้ได้ดังใจ ร่างกายแข็งแกร่งว่องไว ประสาทสัมผัสทั้งหกเฉียบคม แม้ร่างกายบางส่วนถูกตัดขาดก็สามารถงอกกลับคืนมาได้โดยอาศัยกฎเกณฑ์

เมื่อถึงขั้นตำหนักม่วง ผู้ฝึกปรือจะสามารถคืนชีพจากหยดโลหิตหรือแก่นแท้กฎเกณฑ์ที่เราดูดซับ หากฝึกปรือถึงที่สุดจนบรรลุระดับปรมาจารย์หมื่นสำแดง ร่างกายของผู้ฝึกจะสามารถรองรับการฝึกเทพวิชาที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ได้เหนือขึ้นไปกว่านั้นถ้าผู้ใช้สามารถบัญญัติวิชาเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์นั้นๆได้พลานุภาพจะมากมายกว่าเคล็ดวิชาอื่นๆ ถ้าหากผู้ฝึกปรือมีโอกาสได้บัญญัติเคล็ดวิชาเหล่านั้น หลังจากนั้นเขาก็อ่านวิชากายาเทพอสูรทั้งหมด

“ข้าจะฝึกเคล็ดวิชาเทพอสูรว่างเปล่า”เมื่ออ่านเคล็ดวิชาทั้งหมดเขาตัดสินใจฝึกวิชานี้ทันที

แม้จะเพิ่งอ่านจะอ่านเคล็ดวิชาทั้งหมด มันถามให้เขารู้สึกตื่นเต้น

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ตามที่บันทึกได้กล่าวเอาไว้วิชากายาเทพอสูรนี้ถูกค้นพบในโบราณสถานที่ลึกลับและตัวอักษรที่จารึกเอาไว้นั้นมันเก่าแก่อย่างมากทำให้ยังมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่ยังไม่แน่ชัดเกี่ยวกับวิชานี้เจ้ายังจะฝึกฝนมันอยู่หรือไม่” ไป๋ฉีถามย้ำและได้รับคำยืนยันอย่างหนักแน่นจากบุตรชาย

“ขอรับท่านพ่อ”

“ทำไมเจ้าไม่ฝึกเคล็ดกายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้าที่ถูกยกย่องให้เป็นเคล็ดวิชาอันดับหนึ่งด้านกายาเทพอสูรของจักรวรรดิ์ดาราสวรรค์ละ ผู้ฝึกยังสามารถใช้มันปรับพื้นฐานร่างกายให้เหมาะสมกับการฝึกเทพวิชาแขนงอื่น ช่วยต่อยอดการฝึกฝีมือออกไปได้ไม่สิ้นสุด แต่วิชากายาเทพอสูรว่างเปล่านั้นกับยังไม่มีใครเคยสำเร็จแม้แต่ขั้นแรกมาก่อนถึงข้อมูลเคล็ดวิชานี้จะดูมีพลังกว่าเคล็ดวิชากายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้าแต่ไม่มีใครรู้จักอนุภาพของเคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าจึงถูกเคล็ดกายาเทพอสูรเก้าชั้นฟ้ายกย่องว่าเป็นเคล็ดวิชาอันดับ1แทน” ไป๋ฉีเอ่ยขึ้นช้าๆ

“เจ้ารู้ไหมเคล็ดวิชานี้ไม่ได้ถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอดหากแต่ให้ยินยอมเผยแพร่ออกไปทั่วแผ่นดิน”

“ไม่ทราบครับ”

“นั่นก็เพราะว่าถึงจะถูกเปิดเผยออกไปก็แทบไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถฝึกสำเร็จได้เลย นี่คือข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของเคล็ดวิชานี้และเป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือทั่วทั้งห้าเขตปกครองของตระกูลไป๋ ไม่เคยมีสักผู้เดียวที่สามารถฝึกจนบรรลุขั้นแรกได้เลย”

“ท่านพ่อว่ากระไร” ไป๋ซิงไม่อาจระงับความตื่นตกใจไว้ หากบอกว่าไม่เคยมีผู้ใดบรรลุถึงระดับตำหนักม่วงเขายังพอทำใจได้ แต่นี่กลับไม่เคยมีสักผู้เดียวที่บรรลุถึงระดับธรรมชาติ

“เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว ไม่เคยมีแม้สักผู้เดียว นี่เป็นยอดวิชาที่ลึกลับและทรงพลังที่สุดแม้แต่ในยุคแห่งเทพอสูร แต่ความยากลำบากในการฝึกก็นับเป็นอันดับหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน”

“ถึงอย่างไรข้าก็จะฝึก”

ไป๋ซิงปราศจากความลังเล เขาถือกำเนิดมาพร้อมกับระบบอัพเกรดและภาพวาดเทพธิดาหนี่วา ที่สามารถกระทั่งจะส่งเสริมให้เขาเป็นทหารสวรรค์ชั้นแนวหน้าได้ เขากล้าที่จะทดลองฝึกวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าก็เพราะเขามีระบบอัพเกรดอันยอดเยี่ยมนี้เอง ซึ่งที่จริงต่อให้ล้มเหลวแล้วจะเป็นไร อย่างมากเขาก็แค่เลือกฝึกเคล็ดวิชาอันดับถัดไปเท่านั้นเอง

“พูดได้ดี” เมื่อเห็นบุตรชายตั้งใจจริงถึงเพียงนี้ รอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของไป๋ฉี

“ข้าจะไปขอรับเคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่ามาให้เจ้าเอง”

“ขอบพระคุณท่านพ่อ”ไป๋ซิงรีบน้อมกายคารวะด้วยความคาดหวังอันเปี่ยมล้น

ไป๋ฉีหายตัวไปอย่างรวดเร็ว จนเวลายามค่ำคืนได้มาเยือน

บ้านที่ถูกปิดสนิทมีแค่แสงจากเทียนไขที่ส่องประกายภายในบ้านนั้นมีครอบครัวของไป๋ซิงอยู่

ไป๋ซิงมีสีหน้าเคร่งเครียดพลิกอ่านหนังสือเล่มหนาหนัก บนปกจารึกด้วยอักษรสีทอง

‘เคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า’

ขั้นตอนการฝึกเคล็ดวิชานี้นั้นง่ายดายยิ่งนักเริ่มตั้งแต่การสัมผัสถึงพลังกฎเกณฑ์ที่อยู่รอบๆตัวให้ได้

เคล็ดวิชากายาเทพอสูรอื่นๆเน้นไปที่การดูดซับพลังงานธรรมชาติ เช่น อัคคี วารี อัสนี หรือการฝึกฝนเฉพาะตัวแบบอื่นๆ

หาก ‘กายาเทพอสูรว่างเปล่า’ กลับบังคับให้ผู้ฝึกดูดซับพลังกฎเกณฑ์จากรอบตัว เช่นพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุก็เหมือนกับพลังธาตุแต่เป็นพลังที่ลึกลับกว่า มีน้อยคนนักที่จะสัมผัสถึงพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุได้ เพียงเงื่อนไขข้อนี้ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่อาจแม้แต่จะเริ่มฝึกปรือได้ พลังกฎเกณฑ์รอบตัวนั้นไม่ใช่คิดจะดูดซับเข้ามาเลยก็ได้แต่ต้องแยกแยะกฎเกณฑ์แต่ละอย่างออกจากกันอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุอัคคีก็ต้องดูดซับเฉพาะพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุอัคคีเท่านั้น แต่พลังงานที่อยู่รอบๆนั้นมันผสมปนเปกันอยู่มากมายถ้าจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นทำได้ยากยิ่งนัก

เมื่อสามารถดูดซับพลังที่เราตัดสินใจได้แล้วนั้น บนบริเวณตรงจุดตันเถียนของผู้ฝึกจะมีแก่นแท้กฎเกณฑ์ปรากฏขึ้นตามแต่เราจะจินตนาการไม่มีกฎตายตัว เมื่อแก่นพลังปรากฎครบสมบูรณ์ค่อยนับว่าเริ่มฝึกปรือได้แล้วแต่จะให้สำเร็จขั้นที่หนึ่งนั้นต้องสร้างแก่นแท้กฎเกณฑ์ให้เสร็จสมบูรณ์ สิ่งนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอันเหนือชั้น เคล็ดวิชาอื่นผู้ฝึกจะต้องจารึกอักขระลงบนร่างกายของตนเอง แต่สำหรับ ‘กายาเทพอสูรว่างเปล่า’ แก่นแท้กฎเกณฑ์จะปรากฏจากภายในสู่ภายนอกได้

ไป๋ซิงระบายลมหายใจออกรุนแรงและยาวนานเพื่อสลายความตื่นเต้นทำจิตใจให้สงบ

ไป๋ซิงหยิบคัมภีร์ขึ้นมาอย่างช้าๆ

ติ้ง

เรียนรู้เคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า

[เรียนรู้ - ยกเลิก]

ไป๋ซิงกดเรียนรู้หลังจากนั้นก็มีละอองแสงลอยออกจากตำราแล้วเข้าสู่จิตใจของเขา ไป๋ฉีและเหม่ยเฟิ่งไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเห็นแค่บุตรชายนั่งสมาธิลงและหลับตาลงอย่างช้าๆ

มีข้อมูลมากมายเข้ามาในจิตใจของเขามีภาพของบุคคลฝึกเคล็ดวิชากายาเทพอสูรตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงจุดสุดท้ายของเคล็ดวิชานี้

ติ้งเรียนรู้เรียบร้อย

ไป๋ซิงตกอยู่ในห้วงภวังค์ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งรอบกายเขาสัมผัสถึงกฎเกณฑ์อย่างช้าๆมีดวงแสงมากมายหลายสีสันลอยอยู่รอบๆตัวเขา เขาค่อยๆสัมผัสมันอย่างช้าๆเขาสัมผัสดวงแสงสีแดงรู้สึกร้อนขึ้นมาเมื่อเขารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเขาสัมผัสดวงแสงที่อยู่รอบๆตัวสีฟ้าทำให้รู้สึกเย็นสีเหลืองทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและยังมีอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากกฎเกณฑ์พลังธาตุต่างๆแล้วยังมีสิ่งลึกลับอีกมากมายที่เขาสัมผัสได้แต่เขายังไม่สามารถที่จะดูดซับมันได้ในเวลานี้เขาต้องเลือกอย่างรอบคอบว่าจะดูดซับสิ่งใดเข้ามาเป็นลำดับแรกที่ทำให้เขาสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง

เขาค่อยๆคิดถึงการ์ตูนอนิเมะหรือนิยายในชีวิตก่อนเพื่อนำมาปรับใช้กับสำหรับพลังธาตุที่เขาจะเลือกเป็นลำดับแรก

เขาตัดสินใจได้แล้วและคว้าจับดวงแสงที่มีประกายแสงสว่างที่ระยิบระยับท่ามกลางดวงแสงมากมายและเริ่มดูดซับเข้ามาในบริเวณจุดตันเถียนอย่างช้าช้า

พลังงานจากดวงแสงสีขาวค่อยๆไหลเข้ามาในจุดตันเถียนของเขาดวงแสงนั้นลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว

สองสามีภรรยาได้แต่ใช้สายตาที่เหลือเชื่อจ้องมองผู้เป็นบุตรชาย “ลูกเรากลับประสบความสำเร็จในการทดลองฝึกครั้งแรก ในเคล็ดวิชาที่ไม่เคยมีใครฝึกฝนสำเร็จมาก่อนเลย”ทั้งสองนั้นต่างดีใจกันเป็นอย่างมาก

ระหว่างกระบวนการการดูดซับนั้นเขาเลือกเฉพาะดวงแสงที่มีสีขาวส่วนดวงแสงสีอื่นๆนั้นเขาผลักมันออกไป ทำให้รอบกายของเขานั้นเป็นสีขาวสว่างแต่ก็ระยิบระยับแลสวยงามน่ามองระหว่างกระบวนการดูดซับนั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบากเพราะเขาต้องสร้างแก่นแท้แห่งแสงภายในบริเวณจุดตันเถียนของเขาขึ้นมาให้ได้

เริ่มมีร่างเงาปรากฏอยู่เบื้องหลังร่างกายของบุตรชายของเขา

ในระหว่างนี้ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง

ลมหายใจของสองสามีภรรยาแทบหยุดนิ่ง ทั้งคู่ทราบดีว่านี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด การก่อร่างเงาให้สมบูรณ์นับว่ายากเย็นยิ่ง มีผู้คนมากมายที่ล้มเหลวในขั้นตอนนี้หรือไม่มีใครสัมผัสถึงมันได้เลยก็มี

แต่ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่เพียงใด ในสายตาของคนเป็นพ่อแม่ มีผู้ใดบ้างไม่คิดเห็นบุตรของตนประสบความสำเร็จเหนือผู้อื่น ทว่าสิ่งที่ทั้งสองทำได้ในตอนนี มีเพียงการรอคอยด้วยความคาดหวังเท่านั้น

*********************************************************************

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่องทางyoutube ด้วยนะครับ

ช่อง เล่าไปเรื่อย Channel

https://www.youtube.com/channel/UCq0jhJfgu3BFHkCtMgcTBcQ

 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น