ที่โต๊ะทำงานของฉัน สถานที่ที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมายเเน่นอนว่าคืนนี้ต้องอยู่ทำโอที ซึ่งเจ้าของโต๊ะก็ดูไม่ทุกข์ร้อนเรื่องทำโอที แต่อย่างใด เเถมยังนั่งแกะข้าวอย่างชิวๆ อีกต่างหากที่บอกไม่มีงานไม่มีปัญหาก่อนหน้านี้ก็โกหกล้วนๆ เเต่ได้ยินเสียงท่านประท่านพลังงานเต็มเปี่ยมงานเเค่นี้สบาย
ในที่สุดจะได้กินข้าวสักที พอเเกะกล่องเสร็จฉันก็ทักข้าวเข้าปากทันที
ง้ำ...หืม? ฉันเคี้ยวข้าวในปากด้วยความเเปลกใจ
ไม่เผ็ดไม่สิจืดสนิทเลย มีหมู กุ้ง หมึก หอย เห็ด เครื่องต้มยำ เเต่ไม่มีพริก? สงสัยป๋าเเกลืมมั้งช่างเถอะคนเยอะป้าเเกคงเบลอ กินต่อดีกว่า ฉันเป็นคนสบายๆ กินง่ายอยู่ง่ายถึงรสชาติจะไม่ถูกปากเท่าไรก็ไม่มีปัญหาเดี๋ยวไปหาอะไรเเซ่บๆ กินทีหลังก็ได้
ตัดมาอีกฝั่งหนึ่ง
ห้องทำงานของประธานเเห่งยูเอกรุ๊ป
"ขอโทษนะเมย์ คนเยอะไปหน่อยเลยรอนานเลย เดี๋ยวหยกจัดใส่จานให้นะ เดี๋ยวยกมาให้รอแป๊บนะ" หยกที่เดินกลับมาพร้อมกล่องข้าวในมือถ้าไม่สั่งให้กินก็ไม่คิดจะกินเลยสินะ
"หยก" เมย์เรียก
"คะ"
"น้ำส้ม"
"เมย์อยากกินน้ำส้มสินะ งั้นเดี๋ยวหยกลงไปซื้อให้นะถ้าเมย์หิวก็แกะกินเองเลยนะ" ฉันสั่งเมย์เล็กหน่อยเเละเตรียมตัวจะเดินลงไปซื้อน้ำส้มของโปรดของท่านประธานจอมเอาเเต่ใจทำไมถึงได้ลือไปได้นะท่านประธานเย็นชา ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็มีเเต่ท่านประธานเเสนขี้เกียจเท่านั้นเอง
"ไม่ เเกะให้หน่อยนะ..."วิ้งๆ ส่งสายตาอ้อนเราส่งสายตาอ้อนหยกทันที ก็เราไม่อยากแกะเองนี่นาเราไม่ชอบกลิ่นมันติดมือสกปรก
"ค่ะๆ เมย์จะอ้อนหยกตลอดไม่ได้นะ ต้องทำเองบ้างสิ หรือหยกจะใจอ่อนกับเมย์มากไปคะ? " ฉันพูดขึ้นพร้อมลูบหัวเมย์ด้วยความเอ็นดู ไม่ให้ใจอ่อนได้ไงเมย์ออกจะน่ารัก
"หยกใจดี รัก" เราตอบหยกด้วยคำสั้นๆ ช่วยไม่ได้นี่นาเราไม่ชอบพูด การพูดมันเหนื่อย ยังไงซะหยกก็เข้าใจที่เราสื่ออยู่ดี ก็หยกเป็นเพื่อนคนเดียวของเราเลยนะ
"จ้าๆ รู้เเล้วว่ารัก อะเสร็จเเล้ว เเต่สีเข้มกว่าปกตินะ ถ้ากินไม่ได้ก็เอามาเเลกกับของหยกนะ" ฉันยกกล่องข้าวของตัวเองมาวางใกล้ๆ วันนี้ข้าวกล่องของเมย์ดูไม่น่าไว้ใจผิดปกติสุดๆ
"ขอบคุณ" เราขอบคุณหยกแล้วก็ปล่อยหยกไป จริงอย่างที่หยกบอกเลยข้าวผัดต้มยำของเราวันนี้สีแดงแปลกๆ เเต่เราอยากกินมานานเเล้วหรือจะไม่กินดี เรามองข้าวผัดของหยกที่อยู่ข้างๆ เบื่อเเล้วข้าวผัดไม่เอาไม่กิน เราสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิด
จ๊อก
หิวจังยังไม่ได้กินอะไรตั้งเเต่เช้าด้วยสิเราคิดในใจพร้อมทั้งตักข้าวเข้าปากพร้อมเคี้ยวช้าๆ เพื่อซึมซับรสชาติเเสนอร่อยแต่รสที่ได้กลับไม่เป็นดังคาด รสเผ็ดเเผ่ซ่านไปทั่วปากทำเอาเราเเสบคอไปหมดจนต้องคายข้าวทีน่าสงสารออกมา เราใช้ช้อนเขี่ยข้าวเพื่อหาต้นเหตุเเละก็เจอจริงๆ พริกที่ถูกสับจนเเทบเเยกไม่ออกเเถมยังอยู่ล่างกล่องอีก หยกก็รู้นี่นาหยิบมาผิดงั้นเหรอเป็นไปได้ เมื่อหาต้นเหตุเจอเเล้วเราก็ส่งข้อความไปให้หยกซื้อนมมาให้ทันที เเละข้าวผัดต้มยำของเราก็ถูกปิดไป สุดท้ายเราก็จำใจกินข้าวผัดทะเลของหยกไปเเทน อยากกินเห็ดเเท้ๆ ต้องทนคันคออีก
แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้น
"เมย์ หยกกลับมาเเล้ว"หยกเดินกลับมาพร้อมกระป๋องน้ำส้มเเละนมในมือ
“มาเเล้วเหรอ” เราเงยหน้ามองหยกด้วยเเววตาเป็นประกาย
“เผ็ดเหรอคะ เหงื่อออกเต็มเลย” หยกเดินเข้ามาหาเราด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
“เผ็ดมากเลย” เราพูดพร้อมเอามือจับลำคอของตัวเอง “เเสบด้วย”
“กินไปเยอะไหมคะ” หยกถามพร้อมเจาะกล่องนมให้เรา
“คำเดียว” เราตอบพร้อมชี้กล่องข้าวผัดต้มยำข้างๆ
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวหยกกินต่อเอง เมย์กินยาหรือยังคะ”
“ยังเลยอยากกินนมก่อน”
“ต้องกินยาทันทีสิคะ” หยกดุเราพร้อมทั้งยื่นกล่องนมมาให้
“เหนื่อยเหรอ?” เรามองหน้าหยกที่มีเหงื่อออกนิดๆ ดูจากเสียงหายใจเร็วเเบบนี้ต้องวิ่งมาเเน่เลย
“นิดหน่อยค่ะปกติเมย์ไม่กินนม หยกคิดว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยรีบมา”
“ขอบคุณนะ” เรายื่นมือไปรับยาที่หยกส่งให้พร้อมกินมันลงไปทันทีที่ดื่มนมเสร็จ
“มีอะไรก็เรียกหยกนะ หยกจะนั่งทำงานหน้าห้องเรียกได้ตลอดเลยนะ” หยกย้ำ
“ค่ะ”
“อย่ายกเลิกเลยนะ” เราพูดขึ้นหลังจากที่เห็นหยกยุ่งกับมือถือของตัวเองสักพัก
“เเต่เมย์สำคัญกว่านัด”
“เราไม่อยากเป็นต้นเหตุให้หยกไม่ได้เจอเเม่” เราพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
“แม่หยกอยากเจอเมื่อไรก็ได้” หยกเถียงเราด้วยเสียงดุๆ
“เเต่เจอตัวจริงต้องดีกว่าสิ เเม่หยกไม่ค่อยกลับไทยด้วย”
“เอาอย่างนี้ถ้าดูเเล้วเมย์ไม่ดีขึ้นหยกจะยกเลิกนัดทันทีตกลงนะ”
“ตกลง” เรารับปากเราจะไม่ทำให้หยกพลาดโอกาสที่นานๆ จะได้เจอคุณเเม่ไปเด็ดขาด
เวลาผ่านไป 21.37
ด้านน้ำฟ้าที่กำลังทำโอทีอย่างมุ่งมั่น ซึ่งตอนเเรกก็มีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วยให้ชื่นใจหน่อย เเต่เวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มน้อยลงจนตอนนี้คนที่นั่งทำโอทีอยู่เหลือเพียงฉันคนเดียวจนได้
"ผีก็ผีเถอะมาเลย เดี๋ยวจับไว้ใช้งานซะเลย คนอย่างน้ำฟ้าไม่กลัวผี ฮ่าๆ " ฉันพูดอย่างกล้าๆ เเต่ในใจก็เเอบกลัวไม่น้อย
จะว่าไปวันนี้ยังไม่เห็นท่านประธานที่รักเดินลงมาเลยนี่นา รถก็ยังอยู่หรือว่าจะยังไม่กลับกันนะ? คิดอกุศลอีกเเล้วฉัน
เเบบนี้แปลว่าทั้งบริษัทมีเเค่เรากับท่านประธานสองคนสิ เเบบนี้ก็แอบไปส่องท่านประธานได้อย่างง่ายดายทางสะดวกไม่มีเเฟนคลับคนอื่นมาสาปเเช่ง เอาล่ะน้ำฟ้ารีบทำจะได้ไปแอบมองท่านประธานด้วยจิตวิญญาณเเฟนคลับ สู้ๆ
จะว่าไปทางเดินมืดๆ จะประหยัดไฟกันไปไหนบริษัทนี้
อร๊าย ไฟห้องท่านประธานเปิดอยู่ ทำไมวันนี้โชคดีอย่างนี้นะ หลังจากคิดเสร็จด้วยความรักอันเเรงกล้า ฉันก็พาร่างของตัวเองเข้าไปใกล้ประตูเรื่อยๆ เเละใช้สายตาสอดส่องไปรอบๆ ห้องผ่านทางช่องว่างระหว่างประตูที่เปิดอยู่
เเปลกจังเลยนะ ไม่มีใครอยู่เลยหรือประธานจะกลับไปเเล้วลืมปิดไฟเหรอ ไม่สิๆ ไม่มีทางท่านประธานลืมมีโอกาสน้อยมากเลยนะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ เเล้วเข้าไปดูหน่อยเเล้วกัน เผื่อจะมีขโมย เพราะฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านนะคะ ไม่ได้อยากขโมยของใช้ส่วนตัวของท่านประธานเลยสักนิด
ฉันขออนุญาตในใจพร้อมเดินเข้าไปทั้งๆ ที่คิดเเบบนั้นเเต่สายตาของฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะได้เลย อยากได้ชะมัดเลย
ขออนุญาตนะคะ ฉันพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา เละค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะประธานอย่างช้าๆ ในขณะที่กำลังจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของประธานขึ้นมาดูสายตาของฉันก็ได้ไปสะดุดเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่นอนอยู่หลังโต๊ะทำงานซึ่งเป็นโซฟาสำหรับพักผ่อน จะโดนจับข้อหาบุกรุกไหมเนี่ยฉันมองหน้าประธานอย่างหวั่นๆ เเต่ฉันอยู่ใกล้เเค่นี้เธอกลับไม่ตื่นทั้งๆ ที่เมื่อเช้าชนนิดเดียวก็ดุเเล้วเเท้ๆ
“ประธานคะ ประธาน” ฉันเรียกคนที่หลับตาอยู่เบาๆ เเต่เธอก็ไม่ตื่นเลย
“ท่านประธาน!” เเบบนี้ไม่ปกติเเล้วฉันตะโกนเรียกสุดเสียงขนาดนี้เป็นใครก็ต้องรู้สึกตัวหรือตกใจเเต่ประธานกลับนอนเอามือก่ายหน้าผากไม่ขยับเขยื้อนเหมือนเดิม
“ขอเสียมารยาทหน่อยนะคะ” ด้วยความเป็นห่วงฉันจึงเดินเข้าใกล้ประธานอย่างไม่เกรงกลัวถึงฉันจะคิดมากไปเองจนถูกดุก็ดีกว่าไม่เเน่ใจเเล้วปล่อยผ่านเรื่องนี้เเละหนีไปยอมโดนจับเพราะผิดกฎดีกว่า เหงื่อออกเต็มเลยเเถมหน้าซีดมากด้วย
“ประธานคะ ไหวไหมคะ” ฉันเขย่าคนที่นอนอยู่ด้วยเเรงที่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวเเต่มันก็ไม่ได้ผล
" รถพยาบาลจริงด้วยต้องเรียกรถพยาบาล" เรื่องที่เกิดขึ้นมันยากเกินกว่าที่ฉันคนเดียวจะรับมือไหวคิดเสร็จมือของฉันก็หยิบโทรศัพท์มาโทรเรียกรถพยาบาลทันที
ไม่มีคอมเม้น