ตอนที่ 8
ติ้ง
วิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า ได้EXP 1EXP
วิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า ได้EXP 1EXP
วิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า ได้EXP 1EXP
วิชากายาเทพอสูรว่างเปล่า ได้EXP 1EXP
…..
2 ชั่วโมงผ่านพ้นไป
ติ้ง
เคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าเลื่อนระดับ
เมื่อเคล็ดวิชาเลื่อนเป็นระดับหนึ่งความเร็วในการดูดซับดวงแสงสีขาวรวดเร็วยิ่งขึ้น
ไป๋ซิงรู้สึกได้ว่าในจิตสำนึกของเขามีพลังงานพุ่งทะลวงเข้ามาผ่านสิ่งกีดขวางชั้นแล้วชั้นเล่าจนเข้าสู่ห้วงจักรวาลอันไร้สิ้นสุด ในห้วงแห่งความว่างเปล่าของจุดตันเถียนของเขานั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานขนาดมหึมาหนึ่งแหล่งเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ไป๋ซิงพยายามก่อร่างเงาสีขาวรูปร่างเหมือนดาบเพราะความรู้สึกของเขาสั่งให้เขาทำอย่างนั้นดาบที่กำลังก่อตัวนั้นรู้สึกถึงพลังงานความแห่งแสงอันแรงกล้าแพร่กระจายออกมาท่ามกลางความว่างเปล่า
แต่ท่ามกลางความว่างเปล่านั้นไม่ได้ก่อเกิดเพียงดาบเล่มเดียวกับมีปืนก่อเกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของเขาด้วย
อาวุธทั้งสองนั้นปรากฏเป็นเงาเลือนลางรอบกายของเขา
“ช่างงดงามยิ่งนัก น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”ไป๋ซิงเบิกตาค้างตกตะลึงไปกับภาพที่ได้เห็นท่ามกลางแสงสว่างตรงบริเวณจุดตันเถียน ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าสามารถกำหนดแก่นพลังเป็นรูปแบบไหนก็ได้แต่สิ่งแรกที่เขาคิดได้นั้นคือดาบคาตานะของประเทศญี่ปุ่น เขารู้จักดาบที่มีชื่อเสียงอยู่มากมายและเขาได้ลอกเลียนแบบรูปลักษณ์ของมัน แต่ปืนที่ปรากฏขึ้นมานั้นกลับปรากฏขึ้นมาตามจิตใต้สำนึกของเขาเอง
***********
ท้องฟ้ามืดลงแสงจันทร์อ่อนๆ สามารถมองเห็นบนท้องฟ้าได้
ภายในห้องไป๋ฉีและเหม่ยเฟิ่งก็จ้องมองภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าด้วยความเหลือเชื่อ อาวุธทั้ง 2 ที่ปรากฏรอบกายของไป๋ซิง ส่องประกายสีขาวเจิดจ้าพลังงานสีขาวเปล่งไปทั่วร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ บนมือขวาปรากฏดาบสีขาวในขณะเดียวกันมือซ้ายปรากฏปืนขึ้นมา
ตัวของไป๋ซิงที่อยู่ภายใต้แสงสีขาวที่ส่องประกายระยิบระยับงดงามแต่ก็ดูอันตราย
“นี่คือ” สองสามีภรรยาจ้องมองกันและกัน ตกตะลึงจนแทบมิอาจกล่าววาจาให้จบประโยค
“มือข้างหนึ่งจับดาบสีขาว อีกมือกับจับอาวุธประหลาด ” ไป๋ฉีกล่าวด้วยสีหน้าที่มิอาจรักษาความเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์อีกต่อไป เหม่ยเฟิ่งก็ท่องประโยคเดียวกันออกมาโดยไม่รู้ตัว
สองสามีภรรยามิใช่คนธรรมดา ทั้งคู่ต่างก็เคยผ่านตาเนื้อหาของเคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าแต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา เพราะเคล็ดวิชานี้ยังไม่มีผู้ที่ฝึกสำเร็จมาก่อน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของเขานั้น นับเป็นนิมิตอันประเสริฐสุดเท่าที่เคยถูกบันทึกไว้ บ่งบอกให้รู้ว่านี่เป็นร่างที่สมบูรณ์แบบแต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นพวกเขายันไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่
ซึ่งความจริงนี่มิใช่เรื่องประหลาดมหัศจรรย์แต่อย่างใด ไป๋ซิงฝึกฝนเคล็ดวิชาเพ่งจิตว่างเปล่า เพ่งจิตมองภาพวาดเทพธิดาหนี่วามาตั้งแต่เกิด ยอดวิชาชุดนี้ช่วยให้เขารักษาร่างกายที่สะอาดบริสุทธิ์ของทารกแรกเกิดเอาไว้ทั้งยังช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณจนเข้มแข็งแกร่งกร้าว เขาจึงมีร่างกายและจิตวิญญาณที่เกือบจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นสภาวะที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการฝึกฝนกายาเทพอสูร
“ท่านพี่ลูกเราเป็นผู้มีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด” เหม่ยเฟิ่งตื่นเต้นดีใจจนดวงตาแดงก่ำ ร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความพลุ่งพล่านตื้นตัน
“ถูกต้องแล้ว” ไป๋ฉีขานรับด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยังไม่สงบลงเช่นกัน เมื่อครั้งที่แผ่พุ่งพลังเข้าสำรวจร่างของบุตรชายตอนแรกเกิด เขารับรู้ได้ว่าเส้นชีพจรในร่างของทารกช่างเปราะบางนัก สัดส่วนโครงกระดูกก็พื้นเพธรรมดา
ในตอนนั้นถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าบุตรชายผู้นี้ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แต่จะมากจะน้อยก็ยังอดบังเกิดความรู้สึกผิดหวังมิได้ ในโลกอันรกร้างโหดร้ายที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอเช่นนี้ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ย่อมไม่มีปัญหา แต่วันใดที่เขาต้องจากโลกนี้ไปบุตรชายของเขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร
“นี่คือบุตรชายของข้า บุตรชายของไป๋ฉีผู้นี้”
สามีภรรยากุมมือกันและกัน ดวงตาทั้งสองคู่เต็มไปด้วยประกายแห่งความภาคภูมิใจและคาดหวังต่ออนาคตของบุตรชาย
ปากจะกล่าวอย่างไรก็ตาม ในหัวอกของผู้เป็นบิดามารดา ใครบ้างไม่มุ่งหวังให้บุตรของตนเป็นพญามังกรที่เหินบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เรื่องนี้ต้องไม่มีผู้ใดรับรู้”ไป๋ฉีกล่าวออกมา
“ท่านเฮยเซ่อ”ชายหนุ่มผมดำปรากฏกายออกมาอย่างช้าๆสิ่งที่เขาเห็นนั้นต้องทำให้เขาตกตะลึง
“ไป๋ฉี ไป๋ซิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ใช้กฎเกณฑ์แห่งธาตุได้แต่การฝึกฝนครั้งแรกเขานับว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิดจริงๆ”เฮยเซ่อกล่าวขึ้นมาจ้องมองไป๋ซิงด้วยสายตาอบอุ่น เฮยเซ่อปรากฏตัวขึ้นมาก็รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คือกฎเกณฑ์แห่งธาตุไม่ใช่พลังธาตุตามธรรมชาติ
เฮยเซ่อไม่เสียเวลาแผ่พุ่งพลังสีดำรอบบ้านหลังนี้ปิดกั้นไม่ให้ใครรับรู้ถึงภายในว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น” ทุกคนต่างภายในตระกูลไป๋รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบๆของบ้านไป๋ฉี
ไป๋หลี่ถึงจะอยู่ห่างไกลแต่ก็ยังสัมผัสถึงมันได้
“พวกเจ้าไปตรวจสอบมาว่าเกิดอะไรขึ้น”ไป๋หลี่กล่าวเบ่าๆ ในไม่ช้าก็มีร่างเงาต่างๆปรากฏท่ามกลางความมืดรอบๆบ้านไป๋ฉี สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นคือความมืดที่ล้อมรอบบ้านหลังนี้เอาไว้ไม่มีใครรู้สึกถึงสถานการณ์ที่อยู่ข้างใน และมีจิ้งจอกสีขาวเฝ้าระวังภัยอยู่นอกบ้าน
ไป๋ซิงยังคงหลับตาร่างกายยังนั่งอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองข้างนั้นมีอาวุธที่ส่องประกาย ภายในจิตสำนึกของเขาก็ดูดซับดวงแสงสีขาวเข้ามาอย่างช้าๆเพื่อก่อสร้างอาวุธทั้งสอง
อาวุธทั้งสองนั้นถ่ายทอดพลังเข้าสู่ร่างกายของเขาทุกอณูทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกเส้นเอ็นและรักษาชีพจรของเขาโดยไม่หยุดยั้งและพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกายทั้งหมดขึ้นอย่างช้าช้า
**********
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ยังดำเนินต่อไป
ไปซิงยังคงหลับตาร่างกายนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิในแขนทั้งสองปรากฏอาวุธทั้ง 2 ชิ้นอยู่ทันใดนั้นเองพลังงานแห่งแสงพลันปรากฏครอบคลุมร่างของเขาชุดขนสัตว์บนร่างของไป๋ซิงเริ่มสลายไป
ไป๋ฉีขมวดคิ้วคราหนึ่ง เขาใช้พลังอย่างแยบยลแผ่พุ่งลำแสงสีฟ้าออกจากปลายนิ้วเข้าตัดแยกชุดขนสัตว์ของไป๋ซิงจนหลุดออกจากร่างโดยไม่รบกวนให้เขารู้สึกตัวแม้แต่น้อย
ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากแผ่นหลังที่อ่อนเยาว์และเปล่าเปลือยของไป๋ซิง ลากเป็นรูปแก่นแท้งดงามตระการตา
“แก่นแท้” เหม่ยเฟิ่งรำพึงด้วยเสียงแผ่วเบา “ลูกซิงได้รับแก่นแท้กตั้งแต่การฝึกครั้งแรก ด้วยอัตราการก่อเกิดของแก่นแท้ในลักษณะนี้ ไม่เกินสิบวันก็คงจะเสร็จสมบูรณ์ ลูกของเราจะสำเร็จวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าขั้นแรกภายในสิบวัน”
“ไม่ใช่มันคือแก่นพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุแสง” เฮยเซ่อปรากฏตัวและกล่าวออกมา
“ท่านเฮยเซ่อท่านหมายความว่าอย่างไร”ไป๋ฉีถาม
“เคล็ดวิชากายาเทพอสูรว่างเปล่าคือการดูดซับพลังกฎเกณฑ์ต่างๆที่มีอยู่มากมายในจักรวาลแห่งนี้และกฎเกณฑ์แห่งธาตุก็เป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์มากมายเหล่านั้น พลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุเหล่านั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุเหล่านั้นจะแข็งแกร่งกว่าพลังธาตุที่คนทั่วไปสามารถใช้ได้และแก่นแท้ที่ไป๋ซิงกำลังก่อตัวขึ้นมานั้นเป็นแก่นแท้กฎเกณฑ์แห่งธาตุแสงโดยเฉพาะและพลังงานเหล่านี้นั้นดูดซับได้ยากกว่าการปีนป่ายขึ้นสวรรค์เสียอีกแต่เขากลับสามารถดูดซับมันได้นี่ต่างหากที่ข้าเรียกเขาว่าอัจฉริยะ” เฮยเซ่อกล่าว
“วิเศษ ” สองสามีภรรยาดีใจกันอย่างมาก
**********
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปแก่นแท้กฎเกณฑ์แห่งธาตุแสงบนร่างกายของเขาเริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆบนแผ่นหลังของเขานั้นมีเงาของดาบและปืนอยู่ภาพนั้นค่อยๆสมบูรณ์ขึ้นจนเห็นได้อย่างชัดเจน
ตัวดาบนั้นรูปร่างเหมือนกับดาบคาตานะตรงกันดาบมีวงแหวนแห่งแสงเป็นประกายสวยงามส่วนตัวปืนนั้นเป็นกระบอกยาวมีเม็ดสีแดงประดับอยู่ที่จับของด้ามปืน
ไป๋ซิงระบายลมหายใจออกมาอย่างช้าๆแล้วลืมตาขึ้นมาแก่นพลังกฎเกณฑ์แห่งแสงบนร่างจางหายไปพร้อมกับดาบและปืนที่อยู่ในมือ
ติ้ง
วิชาเพ่งจิตว่างเปล่าขั้น1 ระดับ10 เลื่อนเป็นขั้น2 ระดับ1
มีเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาเขาลองสำรวจวิชาเพ่งจิตว่างเปล่าขั้นที่ 2 เขาขยายขอบเขตพลังจิตรอบๆตัวออกไปเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจนในบริเวณ500 เมตรและทุกสิ่งที่อยู่ในบริเวณ500 เมตรนั้นเขาสามารถเห็นภาพมันได้อย่างช้าๆและชัดเจน
“ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” เขายกมือขึ้นกำเป็นหมัด รู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย
“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” เสียงที่เย็นชาหากคุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู ไป๋ฉีพลิกฝ่ามือวูบเสื้อผ้าชุดหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศอย่างไร้ร่องรอย เขาโยนเสื้อในมือให้ไป๋ซิงที่รีบรับมาสวมใส่ภายใต้สายตาอันอ่อนโยนและภาคภูมิใจของผู้เป็นมารดา นางทราบดีว่าลูกผู้นี้จะไม่ทำให้นางต้องผิดหวัง เขาจะมีอนาคตที่ก้าวไกลไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน
“ลูกซิง” ไป๋ฉีกล่าวช้าๆ
“เจ้ามีพลังซ่อนเร้นและพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่แต่ทว่าการจะรุดหน้าเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติเพื่อไล่ตามเส้นทางสู่ความเป็นอมตะนั้นมิใช่เรื่องที่จะอาศัยเพียงพรสวรรค์ก็กระทำได้เจ้าจะต้องได้รับการฝึกอย่างถูกต้องด้วย”
“ท่านพ่อได้โปรดสอนสั่ง” ไป๋ซิงรีบสำรวมกิริยาแล้วกล่าวด้วยความเคารพ
บิดามารดาของไป๋ซิงหันไปพยักหน้าให้แก่กันเหม่ยเฟิ่งพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง แหวน1วงและก้อนหิน1ก้อนก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือขาวประดุจหยกของนาง
แหวนวงแรกเป็นสีเขียวส่วนหินอีกก้อนหนึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นทั้งยังเคลือบด้วยประกายสายรุ้ง
“แหวนวงนี้คือ ‘แหวนมิติ’
ซึ่งเป็นของวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบตามธรรมชาติภายในมีมิติพิเศษสำหรับใช้เก็บของ เพียงแต่เจ้าต้องใช้เลือดของตัวเองสร้างพันธะความเป็นเจ้าของขึ้นก่อน”
“แหวนมิติ” ไป๋ซิงอุทานด้วยความลิงโลด
การฝึกฝนเพื่อมุ่งสู่ความเป็นอมตะนั้นมีเส้นทางหลักสองเส้นทาง
ทางสายแรกคือฝึกปรือ ‘กายาเทพอสูร’ซึ่งมุ่งเน้นเพียงการพัฒนาร่างกายของผู้ฝึก
ส่วนอีกเส้นทางก็คือการฝึก ‘พลังปราณ’ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติผู้ฝึกจะเริ่มสามารถใช้งานของวิเศษผ่านพลังปราณได้ โดยของวิเศษระดับยิ่งสูงก็ยิ่งต้องใช้พลังปราณในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นแม้แต่ผู้ที่ฝึกกายาเทพอสูรเองก็มักจะฝึกพลังปราณควบคู่ไปด้วยกัน
ทว่าสวรรค์ก็มักจะเว้นทางออกให้แก่ผู้คนอยู่เสมอ บางครั้งธรรมชาติก็ให้กำเนิดสิ่งวิเศษที่มนุษย์ธรรมดาสามารถสร้าง ‘พันธะโลหิต’ ขึ้นครอบครองและใช้งานและแหวนมิติก็เป็นหนึ่งในวัตถุเหล่านั้น
ไป๋ซิงรับแหวนมิติสวมไว้ที่นิ้วชี้ใช้มีดสั้นสะกิดปลายนิ้วแล้วหยดเลือดลงไป เลือดหยดนั้นถูกซึมซับเข้าไปในแหวนอย่างรวดเร็ว
แหวนเปล่งประกายโลหิตจางๆออกมา
“เข้าไป” มีดสั้นหายวับจากมือของไป๋ซิงเข้าไปปรากฎที่ห้วงมิติภายในแหวน
“ออกมา” มีดสั้นกลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้งราวกับไม่เคยหายไปไหนมาก่อน
ติ้ง
[ได้รับแหวนมิติ - สามารถเก็บสิ่งไม่มีชีวิตได้]
ติ้ง
สามารถอัพเกรดแหวนมิติได้ ใช้แต้มอัพเกรด 50,000
[ตกลง-ยกเลิก]
[ยกเลิก]
ไป๋ซิงยกเลิกที่จะอัพเกรดแหวนมิติตอนนี้
ไป๋ซิงพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเขาทราบมานานแล้วว่าโลกใบนี้มีของวิเศษเช่นนี้อยู่
แม้ว่าความจุของมันจะเล็กก็ตามแต่เขาสามารถอัพเกรดมันเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กว้างใหญ่กว่านี้ได้อีก
“ท่านแม่ขอบคุณขอรับ”ไป๋ซิงกอดเหม่ยเฟิ่งแน่น
“แม่ให้เจ้าได้ทุกอย่างนั่นแหละแหวนมิตินั้นอาจเป็นสิ่งของที่สร้างมาจากของวิเศษตามธรรมชาติแต่ก็เป็นเพียงสิ่งของทั่วไปในสายตาของตระกูลเราอย่าว่าแต่ด้วยสถานะของบิดาเจ้าเลยแหวนมิติเพียงแค่นี้นับว่าเป็นอย่างไรได้ของวิเศษชิ้นที่2ต่างหากที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริงบิดาของเจ้าได้รับมันมาจากการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในอดีต”
“มันคือสิ่งใดท่านแม่”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”เหม่ยเฟิ่งยื่นหินสีรุ้งในมือให้แก่บุตรชายพร้อมสั่งให้อีกฝ่ายสร้างพันธะโลหิต
ไป๋ซิงใช้มีดสะกิดปลายนิ้วอีกครั้ง หยดเลือดถูกดูดเข้าไปในหินสีรุ้งและแพร่กระจายไปตามเนื้อหินที่ซับซ้อนราวกับเส้นเลือดก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นพลันละลายเป็นของเหลวสีรุ้งไหลซึมเข้าไปในร่างที่สั่นสะท้านของไป๋ซิง
ต้ิง
[ได้รับเสื้อดาราทอง -สามารถป้องกันการโจมตีจากผู้ที่มีระดับต่ำกว่าเหนือธรรมชาติได้]
“เช่นเดียวกับแหวนมิติ
สิ่งนี้เป็นของวิเศษตามธรรมชาติเรียกว่า ‘เสื้อดาราทอง’” เหม่ยเฟิ่งกล่าวกับไป๋ซิงที่มีสีหน้างุนงง “เมื่อเจ้าสร้างพันธะโลหิตมันจะกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผิวหนังของเจ้า
เมื่อได้รับการปกป้องจากเสื้อดาราทองการโจมตีจากผู้ที่มีระดับต่ำกว่าเหนือธรรมชาติจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้”
“แข็งแกร่งอย่างนั้นเลยหรอขอรับ” เรื่องของเสื้อดาราทองไม่เคยมีบันทึกอยู่ในหนังสือที่ไป๋ซิงเคยอ่าน
“จักรวรรดิ์ดาราสวรรค์ นั้นคงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยแห่งเทพอสูร
ความกว้างใหญ่ไพศาลและประวัติศาสตร์อันยาวนานมิอาจวัดคำนวณได้ ตระกูลไป๋เราอาจเป็นใหญ่ในเทือกเขาดอยทะลุฟ้า แต่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไปยังมีตระกูลและเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าอยู่อีกมากมาย”
ไป๋ฉีกล่าวขึ้นบ้าง “ตระกูลอันยิ่งใหญ่ที่สืบเชื้อสายมายาวนานเหล่านั้น มักมอบเสื้อดาราทองนี้ให้แก่ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์สูงส่งของตระกูล”
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ”
กระแสอันอบอุ่นผุดขึ้นภายในจิตใจของไป๋ซิงความรักใคร่เอ็นดูเหมือนกับพ่อแม่ของเขาในชาติก่อน เขาได้รับมันจากบุพการีทั้งสองในชาติภพนี้อย่างเต็มเปี่ยมเหมือนกับชาติก่อน
*********************************************************************
ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่องทางyoutube ด้วยนะครับ
ช่อง เล่าไปเรื่อย Channel
https://www.youtube.com/channel/UCq0jhJfgu3BFHkCtMgcTBcQ
ไม่มีคอมเม้น