Aa
Aa
Aa

ตอนที่ 2 อาหกและน้าหก

 

ฟางหรูเป็นลูกสาวคนโตของฟางฉางชิ่ง นางอายุเพียง 14 ปี เสื้อผ้าเก่าของนางไม่ได้มีขนาดเหมาะกับสามพี่น้องเลยแม้แต่น้อย ทว่ามันเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บบังคับ ตราบใดที่มันสามารถช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ ทั้งสามย่อมไม่สนใจความสวยงามของมันแน่นอน

 

ฟางฮั่นหยิบยื่นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างหนาให้กับฟางฉือและฟางหมิงหวย ซึ่งฟางฉือรีบรับมันไปและจัดการกับตนเองอย่างรวดเร็ว นางโตกว่าฟางหมิงหวยและสามารถแต่งตัวเองได้แล้ว ทว่าเด็กชายน้อยกลับเงอะงะและอยู่ในสภาวะทำอะไรไม่ถูก ฟางฉางชิ่งรีบตรงเข้ามาช่วยเหลือเด็กน้อยทันที อย่างไรเขาก็เป็นเพียงชายชาวนาที่ตรากตรำทำงานจึงไม่ค่อยที่จะพิถีพิถันในการแต่งตัวให้เด็ก ๆ เท่าไหร่นัก 

 

เมื่อนางได้เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกรับไม่ได้กับสภาพของน้องชาย รอยยิ้มจางเผยบนใบหน้า นางเข้ามาช่วยเหลือเด็กชายสวมเสื้อผ้าทันที เด็กน้อยทั้งสองคนซุกตัวอยู่ในเสื้อและกางเกงที่หลวมโพรก รูโหว่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทำให้พวกเขาต้องใช้เชือกฟางเมื่อมัดมันเอาไว้กันไม่ให้ลมเข้า 

 

ฟางฮั่นหยิบเสื้อผ้าฝ้ายออกมาซึ่งมันค่อนข้างที่จะบาง แต่นางไม่ได้สนใจอะไรนัก ตอนนี้นางเร่งรีบจัดการตนเองอย่างรวดเร็ว

 

ในโลกก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งนางยังเยาว์ นางอาศัยอยู่บนภูเขากับตาและยาย ตอนนั้นนางมีหน้าที่ดูแลน้องชายของตนเองเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับสองตายาย เช่นนี้ทักษะการดูแลเด็กจึงเป็นสิ่งที่นางค่อนข้างจะทำได้ดีเลยทีเดียว

 

ฟางฉางชิ่งที่ไม่สามารถช่วยอะไรเด็ก ๆ ได้เลยรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาพยายามช่วยปิดกั้นช่องลมต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ลมหนาวปะทะเข้ากับเด็ก ๆ โดยตรงอย่างสุดกำลัง เขายืนมองหลานสาววัย 9 ขวบที่ร่างกายสั่นเทาแต่กำลังพยายามช่วยเหลือเด็กน้อยทั้งสองก็อดที่จะเผยรอยยิ้มจางไม่ได้ 

 

เมื่อเด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้วนางจึงหันกลับมาจัดการตนเอง ภายในใจของเขายกยิ้มขึ้นพร้อมกับคิดว่าหลานสาวคนนี้ช่างเป็นเด็กดีพร้อมทั้งรู้จักวิธีดูแลน้องชายและน้องสาวของตนอย่างแท้จริง

 

เขาคิดคร่ำครวญอยู่ภายในใจแล้วรู้สึกหดหู่เล็กน้อย นางช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ เช่นนี้นางจะกลายเป็นคนอกตัญญูได้อย่างไรกัน ? นางน่ะหรือจะผลักน้องชายของเรือนถัดไปให้ตกน้ำโดยเจตนา นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย !

 

เมื่อคิดถึงเด็ก ๆ เหล่านั้น เขาพลันนึกภาพของย่าที่ค่อนข้างจะลำเอียงเข้าข้างเด็กชายคนนั้นอย่างไม่ยุติธรรม ท้ายที่สุดแล้วฟางฉางชิ่งก็กลายเป็นน้องสุดท้องที่แยกตัวออกจากครอบครัว เขาไม่เคยต่อว่าหรือก่นด่าในการกระทำ เพียงแค่ปล่อยเฉยเมย ไม่สนใจเท่านั้น แต่จิตใจกลับรู้สึกเจ็บปวดเมื่อมองเห็นเด็กทั้งสามคนนี้ต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่ไม่สามารถต่อต้านได้

 

หลังจากที่จัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว ฟางฮั่นหันไปหาฟางฉางชิ่งด้วยความลำบากใจ “อาหก… การทำเช่นนี้ อาจะมีปัญหากับน้าหกหรือไม่…”

 

ฟางฉางชิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับเห็นว่าเด็ก ๆ เริ่มผ่อนคลายกันได้แล้ว เขากางแขนขนาดใหญ่สองข้างออกพร้อมกับโอบกอดทุกคนเอาไว้อย่างแน่นหนาพร้อมกล่าวออกมาอย่างอบอุ่น “อย่าคิดมากเรื่องอื่นเลย ไปกันเถิด กลับบ้านไปกับอาหกก่อนนะ”

 

ครอบครัวของฟางฉางชิ่งไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก ผ้าฝ้ายตัวเก่าที่ฟางหรูใส่ไม่ได้แล้วมักจะถูกนำไปรื้อออกและเอาไปเติมใส่เสื้อตัวใหม่ เช่นนี้จึงทำให้เสื้อผ้าชุดปัจจุบันของฟางหรูค่อนข้างที่จะหนาที่สุดในบ้าน

 

ด้วยเหตุนี้ฟางฉางชิ่งจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบผ้านวมขนาดใหญ่สองผืนติดมือออกจากบ้านมา เขาตั้งใจที่จะห่อตัวเด็กน้อยเหล่านี้เอาไว้เพื่อป้องกันลมหนาว

 

ในช่วงฤดูหนาว ผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้านมักจะสวมใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ โดยเฉพาะวันที่ต้องเผชิญหน้ากับพายุหิมะอย่างนี้ ทุกครัวเรือนจะปิดประตูและเข้าครัวปรุงอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศจะอบอวลไปด้วยควันไฟและความอบอุ่น

 

ฟางฉางชิ่งก้มตัวลงไปพร้อมกับยืดแขนออกกว้างเพื่อจัดการห่อเด็ก ๆ ให้อยู่ในผ้านวม

 

ฟางหมิงหวยที่ยังเด็กอยู่ ขาเล็ก ๆ ของเขาแกว่งไกวไปมาอย่างยุกยิกและเขาก็อยู่ไม่สุขในผ้าห่มผืนใหญ่ ฟางฉางชิ่งเดินช้าลงเล็กน้อยพร้อมกับค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมเด็กชายอย่างอ่อนโยน “หวยเอ๋ออดทนไว้ก่อนเถิด เราใกล้จะถึงบ้านกันแล้วล่ะ”

 

ฟางหมิงหวยได้ยินเช่นนั้นรีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “ขอรับอาหก ข้าจะอยู่เฉย ๆ แต่ว่าอาอย่าปล่อยให้พี่ใหญ่หนาวตายนะ ! ”

 

ฟางฉางชิ่งมองไปที่ถนนลูกรังซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้คนตรงหน้า เขาแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าหลานทั้งสามคนต้องเผชิญกับอะไรบ้างหลังจากถูกขับไล่ออกจากบ้าน ทั้งสามอยู่ในชุดที่บางเฉียบและยืนอยู่กลางพายุหิมะ ! 

 

จิตใจของฟางฉางชิ่งหดหู่อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าถ้าหากสุดท้ายแล้วเขามาที่นี่ไม่ทัน…

 

‘ข้าไม่กล้าคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ ! ’

 

‘ใครบางคนที่มีศักดิ์เป็นถึงย่าแท้ ๆ ของเด็กเหล่านี้ เหตุใดจึงได้โหดเหี้ยมและไร้หัวใจมากขนาดนั้น ที่นั่นคือบ้านของเด็ก ๆ !’ 

 

ในกระท่อมหลังเล็กอยู่ด้านหน้า มีกระดาษน้ำมันอย่างหนาปิดกั้นหน้าต่างเอาไว้ ข้าวโพดจำนวนหนึ่งถูกวางเอาไว้ที่ระเบียงหน้าบ้าน รั้วไม้ยาวประมาณหนึ่งล้อมรอบสวนผักเล็ก ๆ เอาไว้อย่างพอดิบพอดี

 

มันคือบ้านของฟางฉางชิ่ง

 

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนี้จะมีสภาพแวดล้อมเป็นตัวตัดสินว่าวันนี้พวกเขาจะได้กินอะไร ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถนำผลผลิตไปเปลี่ยนเป็นเงินได้ พวกเขาก็จะแบ่งปันและเปลี่ยนซึ่งกันและกันแทน

 

ขณะที่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่หน้าประตูบ้าน ฉับพลันประตูถูกเปิดออกในทันที คน ๆ นั้นคือน้าหกที่เปิดประตูออกมาอย่างเร่งรีบ นางเห็นว่าผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้พาลูกหลานกลับมาแล้ว ลมหายใจยาวถูกปล่อยออกมาอย่างโล่งอก สายตาของนางสังเกตเห็นว่าเด็กทั้งสามตัวเย็นและใบหน้าซีดขาว เสียงของนางกลับสั่นเครือเมื่อกล่าว “โอ้ รีบพาเด็ก ๆ เข้ามาด้านในเถิด อากาศข้างนอกหนาวเกินไปจริงๆ”

 

ฟางฉางชิ่งเดินเซไปเซมานิดหน่อยก่อนที่จะเอื้อมมือส่งผ้านวมผืนใหญ่ให้กับสาวใหญ่ตรงหน้า มืออีกข้างของเขาที่เหลือผลักให้หลานทั้งสามเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ 

 

“เด็ก ๆ เข้าไปในบ้านเร็วเข้า ! ”

 

ในที่สุดทุกคนเข้ามานั่งภายในบ้านและเริ่มรู้สึกอุ่น ฟางฮั่นนั่งลงและกำลังคิดว่า…...ในที่สุดนางก็ยังมีชีวิตอยู่

 

ส่วนเด็กอีกสองคนกำลังตื่นเต้นและฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

 

ฟางหรูอายุ 14 ปีเดินออกมาจากครัวด้วยดวงตาแดงก่ำ นางยกหม้อดินเผาออกมาพร้อมควันที่พวยพุ่ง ถ้วยน้อย 3 ถ้วยถูกวางไว้บนพื้นพร้อมด้วยควันที่ลอยขึ้นในอากาศเพราะความร้อน จากนั้นนางยื่นช้อนให้กับสามพี่น้องพร้อมกล่าว “กินข้าวต้มนี้ก่อนเถิด ร่างกายจะได้อบอุ่น”

 

ฟางฮั่นมองไปที่ถ้วยข้าวต้มตรงหน้า นางหยิบช้อนและกำลังจะเอื้อมมือไปเพื่อตักมันเข้าปาก ทว่านางกลับรู้สึกราวกับโลกหมุนอย่างรวดเร็วและจากนั้นดวงตานางก็มืดสนิท…

 

อาจเป็นเพราะร่างกายของนางปรับตัวไม่ทันกับการเข้ามาอยู่ในบ้านที่อบอุ่นจากก่อนหน้าที่หนาวจัด เช่นนี้จึงทำให้นางเป็นลมไปอย่างง่ายดาย

……

 

ที่ด้านนอก พายุหิมะกำลังพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เสียงหวีดหวิวแสบแก้วหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ภายในกระท่อมน้อย ใบหน้าของฟางฮั่นซีดขาวและหายใจหอบถี่ นางหลับตาอยู่บนเตียงอิฐที่แสนอบอุ่น

 

ก่อนหน้านี้ฟางฮั่นมีไข้สูงจัดจนทำให้ตายตกไป ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วิญญาณของนางได้เข้าแทนที่อย่างเหมาะเจาะ หลังจากที่นางได้ครอบครองร่างกายนี้ ทำให้การเต้นของหัวใจของฟางฮั่นได้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่ฟางฮั่นยังคงคิดอยู่ภายในหัวคือการเอาตัวรอดจากสภาวะที่หนาวเหน็บ ก่อนจะตายนางจะต้องทำให้น้องทั้งสองรอดพ้นจากสภาวะเลวร้ายนี้ให้ได้ เช่นนี้ทำให้นางและฟางฮั่นตัวปลอมยังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่ชัด หลังจากที่ได้เข้าสู่กระท่อมที่อบอุ่น ร่างกายของฟางฮั่นผ่อนคลายลงและตระหนักรู้ว่าทุกสิ่งคลี่คลายแล้ว วิญญาณของนางจึงถูกปลดปล่อยออกไปอย่างที่ควรจะเป็นในคราวแรก ความเย็นเข้ามาแทนที่ในร่างกายอีกครั้งทำให้ร่างกายของฟางฮั่นเข้าสู่สภาวะหมดสติทันที

 

เด็กน้อยทั้งสองนั่งข้างกายพี่สาวของตนไม่ยอมห่าง พวกเขาเกรงว่าพี่สาวของตนจะหลับไปเหมือนกับก่อนหน้านี้และจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง… ฟางหรูถือถ้วยข้าวต้มและนั่งอยู่ข้างกายของเด็กน้อยพร้อมกล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้เด็กทั้งสองเข้าใจว่าพี่สาวของพวกเขากำลังหลับใหลจากความอ่อนล้าเท่านั้น

 

ฟางฉือเริ่มกัดเล็บของตนเองอย่างร้อนรน ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ถ้วยข้าวต้มของตนอย่างกระสับกระส่าย จากนั้นนางเปิดปากพูดขึ้นมาอย่างเคอะเขิน “พี่หรู… ถ้าข้ายกข้าวต้มนั้นให้กับพี่ใหญ่ มันจะทำให้พี่ใหญ่ตื่นขึ้นมาเร็วๆ ไหม…”

 

ฟางหมิงหวยสูดขี้มูกที่เลอะเทอะของตนเองพร้อมกับพูดด้วยเช่นกัน “หวยเอ๋อจะไม่กินอะไรแล้ว ข้ายกมันให้กับพี่ใหญ่ทั้งหมดเลย ! ”

 

น้าหกที่อยู่ใกล้ถึงกลับรู้สึกดวงตาร้อนผ่าวกับฉากตรงหน้า

 

น้องชายอีกคนที่อยู่ในบ้านชื่อฟางหมิงเหออายุเพียง 2 ขวบ เขานอนอยู่บนเตียงอิฐด้วยท่าทีไร้เดียงสา ปากยังคงดูดนิ้วมือเอาไว้อย่างแนบแน่นและหลับสบายใจไร้กังวล ส่วนฟางฉือและฟางหมิงหวยตัวน้อยนั้นยังอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ทั้งสองไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เลยในเวลานี้

 

ฟางฉางชิ่งและน้าหกนั้นยังคงมองดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ แต่น้าหกนั้นเป็นสาวใหญ่ที่ค่อนข้างจุกจิกเล็กน้อย แต่นางก็ไม่อยากให้ลูกหลานเกลียดตน เช่นนี้นางจึงดึงแขนของสามีและกระซิบกับเขาอย่างแผ่วเบา “ภรรยาของลุงใหญ่โหดร้ายเกินไปจริง ๆ ! ข้าได้ยินมาจากเสี่ยวหรูว่าเป็นเพราะหงเอ๋อที่ไม่มีเหตุผล เขาขู่ฟางฮั่นว่าจะผลักหวยเอ๋อลงในแม่น้ำ ฟางฮั่นไม่พอใจและรีบปกป้องน้องชายของตนแต่กลับถูกขัดขวางโดยฟางอ้าย ผลสุดท้ายคือทั้งคู่หล่นลงไปในหลุมน้ำแข็งที่ชาวบ้านใช้ตกปลา แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกช่วยเหลือขึ้นมาจนได้ แม้ฟางฮั่นจะรีบยกเสื้อผ้าเพื่อให้ทั้งสองคลายความหนาว แต่ฟางอ้ายยังคงไม่พอใจและกล่าวโทษว่าฟางฮั่นจงใจผลักทั้งสองหล่นน้ำ สุดท้ายแล้วทั้งสามพี่น้องกลับถูกด่าทอว่าเป็นเด็กเนรคุณและถูกขับไล่ออกจากบ้านของตนเอง อากาศในวันนี้หนาวมากจริง ๆ ข้ารู้สึกหดหู่และเจ็บปวดใจยิ่งนัก หลานทั้งสามล้วนแต่เป็นเด็กดี พ่อแม่ของพวกเขาได้จากไปแล้วเนิ่นนาน แถมภรรยาของลุงใหญ่คอยมุ่งร้ายหมายเอาชีวิตอยู่ตลอดเวลา มันช่างเป็นสถานการณ์ที่โหดร้ายเกินกว่าเด็ก ๆ จะรับมือได้ไหว…”

 

ฟางฉางชิ่งเห็นว่าภรรยาทุกข์ใจกับสถานการณ์นี้อย่างมาก แต่เขาไม่รู้ถึงวิธีปลอบโยนที่ดีจึงทำได้เพียงลูบหลังนางเพื่อปลอบประโลมเท่านั้น

 

ตอนที่ฟางหรูอายุได้ 7 ขวบ น้าหกเคยตั้งครรภ์ แต่ในฤดูหนาวหนึ่ง นางถูกผลักโดยฟางอ้ายจนนางล้ม และเป็นเหตุให้นางแท้งลูกตอนอายุครรภ์ได้ 4 เดือน......

 

ในเวลานั้นย่าของฟางอ้ายได้ใช้ความเป็นอาวุโสที่สุดในบ้านกล่าวโทษว่านางปล่อยปะละเลยลูกของตนเอง อีกทั้งกล่าวโทษว่าลูกของนางได้ก่อกวนอีกฝ่ายจนทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวและต้องป้องกันตัว คำเสียดสีในคราวนั้นยังตามหลอกหลอนมาจวบจนทุกวันนี้ น้าหกรู้สึกโกรธจัดจนแทบจะเป็นลมเมื่อคิดถึงมันอีกครั้ง

 

ฟางฉางชิ่งเป็นเพียงผู้น้อยภายในตระกูล พ่อและแม่ของเขาตายจากไปอย่างรวดเร็วและพี่ชายของเขาได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ไม่มีใครสักคนในตระกูลฟางที่อยากจะยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เรื่องนี้ได้ยินไปถึงญาติของน้าหก ทำให้คนในตระกูลโจวกว่าครึ่งได้ออกมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าตระกูลฟาง แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาสั้นๆ ว่า “เด็กก็คือเด็ก พวกเขายังไม่รู้เรื่อง จะไปถือสาอะไรมากมาย”

 

เวลานั้นฟางฉางชิ่งรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านของลุงของตนเพื่อทวงถามความยุติธรรม

 

ตอนนั้นมีเพียงพ่อของฟางฮั่นคนเดียวเท่านั้นที่ลุกขึ้นยืนเพื่อพูดความจริง หมายคืนความยุติธรรมให้กับพวกเขา ภายใต้แรงกดดันทั้งหมดทำให้สามารถบีบบังคับให้ฟางอ้ายขอโทษฟางฉางชิ่งได้ในที่สุด

 

ด้วยเหตุนี้ผู้เป็นย่าจึงคิดว่าฟางฉางชิ่งนั้นกลายเป็นคนนอกคอกที่เห็นเมียดีกว่าญาติของตน จากนั้นฉากเรียกน้ำตาครั้งใหญ่ได้ปรากฏขึ้นจนทำให้เขาทนไม่ไหวและหันหลังให้กับตระกูลนี้อย่างถาวร

 

หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป หรวนชิงชิงซึ่งเป็นแม่ของฟางฮั่นมักจะอุ้มตะกร้าไข่ที่เก็บได้มาที่บ้านของน้าหกอยู่เสมอ การพูดคุยเป็นประจำทำให้ความเหงาของน้าหกคลายลงไปอย่างมาก สิ่งนี้ทำให้นางมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมมากโข

 

ไม่กี่วันถัดมาหรวนชิงชิงได้ตั้งท้องฟางฉือ น้าหกรู้สึกว่านี่คือการกลับมาเกิดใหม่ของลูกที่นางเพิ่งสูญเสียไป จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวยิ่งแน่นแฟ้นอย่างมาก

 

แม้ว่าหลังจากที่ฟางฉางเกิ่งหายตัวไปและหรวนชิงชิงได้เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวยังคงแนบแน่น น้าหกมักจะคอยดูแลสามพี่น้องที่กำพร้าแม่และพ่ออยู่ตลอดเวลา

 

ทันทีที่ได้ยินข่าวว่าทั้งสามพี่น้องถูกขับไล่ออกจากบ้าน มีเพียงครอบครัวของฟางฉางชิ่งที่รีบออกตามหาเด็กทั้งสามอย่างเร่งรีบเพื่อที่จะพาพวกเขากลับมาบ้านของตน

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครไม่รู้ว่าเด็กทั้งสามได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เต็มใจเพราะฟางฮั่นเป็นพี่สาวที่ดีคอยปกป้องดูแลพวกเขาตลอด แต่เวลานี้พี่สาวที่แสนดีของพวกเขาได้ตกลงไปในแม่น้ำที่หนาวเย็นราวน้ำแข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ยมทูตเอาตัวน้องชายของตนไป กลับกลายเป็นนางที่มีไข้สูงและส่งผลให้วิญญาณของนางต้องถูกพรากจากไปแทน นี่คือเหตุผลที่ร่างของฟางฮั่นถูกแทนที่โดยวิญญาณที่มาจากศตวรรษที่ 21 !

 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น