Aa
Aa
Aa

ตอนที่ 3

ผักกาดกวางตุ้งฤดูหนาว

 

“พี่รอง วันนี้ย่างเนื้อไหมขอรับ”  เขารู้สึกอยากกินมากมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ตอนกลางวันเมื่อรู้ว่าพี่สาวไม่ว่าง เขาจึงอดกลั้นเอาไว้และจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ กระทั่งถึงตอนเย็นเขาทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว จึงเข้าไปถามเบาๆ ที่ข้างกายพี่

 

“ทำสิ ถ้าน้องสามอยากกิน พี่รองจะทำให้น้องสามกินเอง” เดิมทีเนื้อเหล่านี้ก็จะเก็บเอาไว้กินเองอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บมันเอาไว้เรื่อยๆ สักนิด

 

“ว้าว พี่รองใจดีจริงๆ” เฉียวไป่มองเฉียวซีตาเป็นประกาย

 

“ถ้าอยากกินเนื้อต้องช่วยข้าทำงานนะ เอาผักป่าเหล่านี้ไปล้างให้สะอาด ประเดี๋ยวจะปรุงกับเนื้อไก่ป่า” ในบ้านเหลือน้ำมัน เกลือ ซอสและน้ำส้มสายชูอยู่ไม่เท่าไร ต้องหาหนทางหาเงินมาซื้อแล้ว

 

“เอาไปเลยนะ” เฉียวไป่หยิบผักป่ากำใหญ่ที่เฉียวซีมอบให้แล้ววิ่งหายวับไปกับตา

 

บ้านของนางอยู่ที่เชิงเขา ห่างจากบ้านของนางไปหนึ่งร้อยเมตรจะมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง น้ำสำหรับดื่มและซักล้างล้วนมาจากที่นี่ทั้งสิ้น

 

บ้านของนางอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านเล็กน้อย โดยปกติแล้วที่นี่มีคนผ่านไปผ่านมาน้อยมาก ยามคนในหมู่บ้านขึ้นเขาจะใช้ถนนอีกเส้น ที่นั่นมีผู้คนสัญจรไปมามากมาย จนกลายเป็นเส้นทางขนาดใหญ่ในระดับหนึ่ง ส่วนเส้นทางจากบ้านของพวกเขาที่นี่มีเพียงพวกเขาไม่กี่คนที่ใช้สัญจร หากไม่คุ้นเคยก็มีโอกาสหลงทางได้ง่าย

 

นำไก่ป่าที่แขวนอยู่บนขื่อลงมา ยกมือขึ้นกดมีดลงเฉือนเนื้อกว่าหนึ่งส่วนสี่ออกมา ส่วนที่เหลือก็แขวนกลับไปที่เดิม

 

หั่นเนื้อไก่ที่เฉือนลงมาเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในกะละมัง ล้างเล็กน้อยให้สะอาด แล้ววางพักเอาไว้ด้านข้าง

 

จากนั้นจึงนำกระเทียมป่าและขิงป่ามาจัดการก่อนจะไปนั่งที่หน้าเตาเพื่อก่อไฟ ลงแรงแค่ครู่เดียว ไฟในเตาก็ลุกโชน ไม่นานน้ำในหม้อก็เดือด จากนั้นจึงใส่กระเทียมป่าและขิงป่าลงในน้ำเดือด แล้วจึงใส่เนื้อไก่ป่าหั่นที่ล้างสะอาดแล้วลงไป เพิ่มไฟให้แรงขึ้นและเริ่มต้มไก่ป่า

 

เมื่อไม่มีน้ำมันจึงทำอาหารชนิดอื่นไม่ได้ ทำได้แค่เพียงต้มกับน้ำอย่างง่ายๆ เท่านั้น

 

เฉียวไป่ไปล้างผักกลับมา เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็อดน้ำลายไหลไม่ได้ อยากกินจังเลย

 

“พี่รอง ล้างเสร็จแล้ว”

 

“ไปดูซิพี่ชายใหญ่กลับมาหรือยัง”

 

“ได้ จะไปเดี๋ยวนี้เลย”

 

เมื่อไก่ป่าใกล้จะสุกเต็มที่ เฉียวซีก็ใส่ผักป่าลงไปต้มในหม้อด้วยกันอีกครู่หนึ่ง

 

นำฟืนไปใส่ที่ประตูเตาอีกตัว รอกระทั่งหม้อร้อน แล้วจึงทำขนมแป้งข้าวโพดทอดอีกจำนวนหนึ่ง

 

เมื่อเห็นเสบียงอาหารลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เฉียวซีก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เสบียงอาหารเหล่านี้อาจอยู่ได้นานที่สุดสิบวัน หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาจะต้องกินอาหารเพียงวันละมื้อเท่านั้น

 

ในฤดูหนาว ผักป่าที่กินได้และสามารถขุดขึ้นมากินได้ล้วนถูกขุดไปจนหมดแล้ว แม้แต่ต้นเล็กๆ ก็ไม่อาจหลุดรอดไปได้เลย

 

“พี่ชายใหญ่กลับมาแล้ว เอาอาหารขึ้นโต๊ะได้เลย” กำลังเตรียมจะออกไปข้างนอกเพื่อรอพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็ก แต่ทันทีที่เดินไปถึงประตู ก็เห็นพวกเขาทั้งสองคนกลับมาพร้อมกัน

 

“น้องสาม รีบไปล้างมือเถอะ อีกเดี๋ยวเราจะกินข้าวกันแล้ว” พูดจบก็หันกลับเข้าครัวไป

 

เมื่อทั้งสองคนเก็บข้าวของเรียบร้อยและเดินเข้าไปในครัว เฉียวซีก็วางอาหารไว้บนโต๊ะเตี้ยเป็นที่เรียบร้อย

 

หลังจากทั้งสามคนนั่งลงแล้วพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหาร

 

“พี่ใหญ่ ธัญพืชและแป้งในบ้านของเราน่าจะพอกินได้อีกสิบวัน เราคิดหาวิธีแลกเงินไว้ซื้อธัญพืชและแป้งกลับมาสักหน่อยเถอะ” เฉียวซีกินอาหารไปพลาง พูดถึงสถานการณ์ในบ้านให้พี่ชายคนโตฟังไปพลาง

 

เฉียวซงรู้สถานการณ์ในบ้านดี น้องสาวไม่ต้องบอกเขาก็รู้แจ้งแก่ใจอยู่แล้ว ทว่าในมือของเขาไม่มีเงินอยู่เลยแม้แต่น้อย วันนี้ เวลานี้ เขา...

 

“อืม ข้ารู้แล้ว ข้าจะคิดหาหนทางให้” แม้จะกล่าวเช่นนั้น เขาก็รู้ดีว่ามันยากเย็นเพียงใด

 

“พี่ใหญ่ ในสวนผักหลังบ้านมีผักกาดกวางตุ้งเยอะมาก หากเก็บเกี่ยวแล้วน่าจะได้หลายสิบชั่ง หรือพรุ่งนี้เราจะนำผักเหล่านั้นไปขายในเมืองดีไหม” นี่จำต้องยกคุณความดีให้ดัชนีทองคำของนาง โดยพื้นฐานแล้วฤดูหนาวมักไม่มีผักใบเขียวให้กิน พืชผักที่กินได้โดยพื้นฐานแล้วคือผักกาดขาวและหัวไชเท้า นางนึกอยากลองปลูกผักกาดกวางตุ้งดูว่าจะปลูกได้หรือไม่ จึงนำเมล็ดผักไปที่สวน วันนั้นนางถือเมล็ดผักไว้ในฝ่ามือ ปรารถนาให้พระเจ้าอวยพรให้นางสามารถปลูกผักกาดกวางตุ้งได้สำเร็จ ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมล็ดผักต่างงอกออกมากลางฝ่ามือของนางด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นางตกใจมากจนต้องโยนเมล็ดผักทั้งหมดในมือลงไปในแปลง แล้ววิ่งหนีจากแปลงผักไป หลังจากกลับมาที่ห้อง นางจึงเริ่มครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้น นวนิยายเรื่องสั้นของเทียนเฉานั้นขายดีเป็นอย่างยิ่ง ตัวนางเองก็เคยอ่านมาแล้วหลายหน จากสถานการณ์ของนาง นี่น่าจะเรียกว่าพลังวิเศษที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโต หากสามารถพัฒนายกระดับได้ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงของพลังไปอีก ไม่รู้ว่าพลังแปลกๆ นี้ของนางจะมีพลังเช่นนั้นหรือไม่ หลังจากคิดออกแล้ว นางจึงไปลองดูอีกหน และมันช่วยให้พืชโตไวขึ้นได้จริงๆ

 

หลังจากที่แน่ใจในพลังแปลกๆ นี้แล้ว นางจึงปลูกผักกาดกวางตุ้งลงบนแปลงผักที่ว่างเปล่า หวังจะใช้ผักเหล่านี้ทำให้สถานการณ์ในบ้านคลี่คลายลงไปได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็สามารถดำเนินชีวิตข้ามผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้ก็ยังดี

 

ช่วงเวลานั้นห่างจากตอนนี้เพียงสิบกว่าวัน เช้าวันนี้นางไปดูมาแล้ว ผักเหล่านั้นล้วนสามารถเก็บมากินได้แล้วทั้งสิ้น

 

“ผัดกาดกวางตุ้งหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน” เฉียวซงถูกทำให้ตกใจ จะมีผักกาดกวางตุ้งกินในฤดูหนาวได้อย่างไร

 

“เรื่องนี้ข้ารู้ดี มันเป็นเรื่องจริงนะพี่ใหญ่ พี่รองปลูกขึ้นแล้วจริงๆ” สองวันมากนี้เฉียวไป่ไปที่สวนผักกับพี่สาวเสมอ ผักกาดกวางตุ้งที่นั่นเจริญงอกงามดีมากทีเดียว ได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อยากจะกินมาก แต่พี่สาวของเขากล่าวว่าต้องนำไปขายแลกเงิน ไม่เช่นนั้นผักเหล่านี้คงจะไปอยู่บนโต๊ะอาหารตั้งนานแล้ว จะเอาแต่กินผักป่าเหี่ยวๆ ได้อย่างไร

 

“รีบกินเร็ว กินเสร็จข้าจะไปดู” หากเป็นจริง และยังสามารถนำไปแลกเงินได้จริง ก็จะสามารถนำมาซื้อเสบียงอาหารได้ และคงจะไม่ต้องทนอดอยาก แม้เงินที่เขาหาได้จากการคัดลอกหนังสือในเวลาว่างน่าจะมากระดับหนึ่งก็เถอะ แต่ในฤดูหนาวก็ไม่น่ามีผักสดอยู่ดีนี่

 

“อื้ม”

 

สามพี่น้องกินไก่ป่าผักป่าหนึ่งชามและขนมแป้งข้าวโพดทอดเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว หลังจากเก็บกวาดครัวเรียบร้อย เฉียวซีก็พาพี่ใหญ่ไปยังสวนผักหลังบ้าน

 

รอบสวนผักหลังบ้านมีรั้วล้อมอยู่ หากไม่มองให้ละเอียดก็จะมองไม่เห็นเลยว่ามีผักกาดกวางตุ้งเขียวชอุ่มอยู่จริงๆ

 

“น้องรอง” เมื่อเห็นทุ่งผักกาดกวางตุ้งเขียวชอุ่มสดใสผืนนี้ เฉียวซงก็ตกใจจนต้องหันไปเรียกน้องสาว น้ำตาคลออยู่เต็มดวงตา น้องรองเพิ่งจะแปดขวบ แต่กลับเริ่มตั้งใจหาหนทางเลี้ยงชีพแล้ว เขา...

 

เฉียวซีมองแวบเดียวก็รู้ว่าพี่ชายใหญ่คิดเช่นไร นางจึงเดินไปข้างกายเขา “พี่ใหญ่ ข้ากับน้องสามต่างต้องรับผิดชอบครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น ไม่อาจให้พี่แบกไว้ผู้เดียวได้หรอก” นางไม่ใช่เด็กแปดขวบธรรมดาๆ นางเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมความทรงจำ รู้มากกว่าผู้อื่นมาก แม้ชีวิตจะยากลำบาก ขอแต่เพียงแค่พวกเขาสามพี่น้องร่วมแรงร่วมใจกัน ย่อมไม่มีอุปสรรคใดที่พวกเขาจะผ่านไปไม่ได้

 

ยามนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะที่ตกอับเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ท้ายที่สุดสักวันหนึ่งจะต้องฝ่าม่านเมฆไปพบแสงตะวันได้แน่นอน ด้วยสมองและพลังของนาง ความยากลำบากตรงหน้าเป็นแค่จุดพลิกผันสู่หนทางแห่งความสำเร็จเพียงเท่านั้น

 

“ได้ พวกเรามาพยายามไปด้วยกันนะ” เฉียวซงเช็ดน้ำตาที่หางตาออกก่อนจะหันไปมองน้องสาวและน้องชายพร้อมเผยรอยยิ้มยินดี

 

“อืม ขอแค่พวกเรารวมใจเป็นหนึ่ง ก็ไม่มีอุปสรรคใดที่ก้าวข้ามไปไม่ได้แล้ว”

 

“พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าก็จะอยู่ข้างๆ พวกท่านนะ” เฉียวไป่มองไปที่พี่ชายและพี่สาวของตน แล้วเป่าแก้มพูดอย่างจริงจัง

 

“อืม หากท่านพ่อท่านแม่บนสวรรค์กำลังมองพวกเราอยู่ พวกท่านต้องคุ้มครองพวกเราแน่”

 

“น้องรอง พรุ่งนี้ลุกแต่เช้าสักหน่อยนะ พวกเราจะเอาผักเหล่านี้ไปขายในเมือง”

 

“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”

 

“พรุ่งนี้ข้าก็จะไป ข้าเดินเองได้” เฉียวไป่เอ่ยอาสา

 

“ได้สิ พวกเราไปด้วยกันให้หมดเลย”

 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น