Aa
Aa
Aa

ตอนที่ 1

 

ปังงปังงปังงปังง

“รีบพาเด็กนี้ไปอย่าให้พวกมันจับตัวได้” มีทหารคนหนึ่งพูดสั่งลูกน้องในขณะที่ยิงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอยู่

“แต่ว่าหัวหน้า หัวหน้าคิดจะตายคนเดียวกันหรอ”ทหารนายหนึ่งถามขึ้นมา

“ถ้าฉันสามารถช่วยพวกนายและเด็กๆได้มันก็ถือว่าคุ้มค่าพวกนายและเด็กๆมีให้คนที่ต้องกลับไปหาแต่สำหรับฉันนั้นไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง”

เมื่อลูกน้องที่ได้ยินอย่างนั้นต่างมีสีหน้าหม่นหมอง

ปังปัง

“รีบไปซะนี่คือคำสั่ง” เมื่อลูกน้องได้ยินเช่นนั้นได้แต่ต้องทำตามเพราะพวกเขาก็ต้องมีสิ่งที่ปกป้อง

“ทุกคนทำความเคารพ” ทหารทุกคนนั้นต่างทำความเคารพชายตรงหน้าพร้อมกับพาเด็กออกไป

“ดีแล้ว”

“ใช้ RPG สังหารพวกมันซะ” หัวหน้าของทหารฝ่ายตรงข้ามสั่งลูกน้องเพื่อที่จะจบเรื่องนี้

ปัง ตู้ม

**********

“พวกแกได้ตายไปแล้วเดินให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิวะ”

“เดินให้เร็วกว่านี้อีก” ทหารปีศาจหัวสุนัขสะบัดแส้เข้าใส่อย่างแรง

“ไม่ว่าตอนพวกแกตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นประธานาธิบดีแต่ถ้าอยู่ในยมโลกแห่งนี้พวกแกก็เป็นได้แค่คนตาย”

“ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายมีทหารภายใต้บังคับบัญชามากมายนับไม่ถ้วนขนาดไหนมันก็ไร้ค่า”

ในเสียงตะคอกอันเกรี้ยวกราดทหารปีศาจหัวสุนัขในยมโลกที่ดุร้ายทรงพลังม่วนแส้ใส่วิญญาณที่กล้าอวดตัวว่าเป็นเจ้าชายอย่างไร้ความปราณีทุกแส้ที่ฟาดลงไปรวดเร็วรุนแรงดุจสายฟ้าฟาด ฟาดกระหน่ำจนกระทั่งวิญญาณดวงนั้นร้องขอความเมตตาทหารปีศาจหัวสุนัขในยมโลกจึงหยุดลง ถ้าสังเกตวิญญาณดวงนั้นดูดีๆจะเห็นรอยแตกในวิญญาณนับไม่ถ้วนแต่รอยแตกนั้นก็ได้หยุดลงในตอนที่ทหารปีศาจหยุดแส้และรอยแตกก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ

มีชายหนุ่มคนผู้หนึ่งสังเกตพื้นที่รอบๆ

“เราคงจะตายแล้วสินะส่วนที่นี่คงจะเป็นยมโลก” แทนที่พึ่งปรากฏร่างขึ้นเหลียวมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น มีทรัพย์สินเงินทองมากมายมีทหารภายใต้บังคับบัญชามากมายในโลกยุคปัจจุบันจะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไง แต่ไม่ทันไรเขาก็สังเกตเห็นรอบๆว่ามีผู้คนหลากหลายใส่เสื้อผ้าทั้งยุคปัจจุบันหรือชุดโบราณก็มี มีทั้งคนที่ร่างกายเหมือนมนุษย์แต่ศีรษะเหมือนอสูรบางคนนั้นเป็นอสูรทั้งตัวก็มี

“รีบเดินเข้า”ทหารปีศาจหันมาจ้องมองแทนและเหล่าวิญญาณรอบข้างแล้วร้องเสียงตะโกนใส่   

แทนจึงรีบเดินเข้าไปต่อแถวยาวเหยียดที่เบื้องหน้า

เหล่าวิญญาณที่เดินติดตามกันไปเหมือนกลับรถไฟที่มีความยาวมหาศาลเริ่มคืบคลานไปข้างหน้าอย่างช้าๆทุกครั้งที่ขบวนเคลื่อนออกไปวิญญาณในชุดสีขาวก็จะทยอยปรากฏขึ้นโดยไม่หยุดหย่อนบางคนส่ายหน้าถอนหายใจบางคนปาดน้ำตาบางคนคิดถึงคนรักบางคนตะโกนด่าทอและสาปแช่งโชคชะตายังมีบางส่วนที่ยืนงงอยู่กับที่อีกหลายคน

“กล้าดียังไงมาฟาดแส้ใส่ข้า บิดาของข้าคือพลเรือเอกผู้ยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือข้าจะบอกพ่อฆ่าพวกเจ้าซะ”

หลังจากชายหนุ่มคนนั้นพูดจบทหารปีศาจหัวสุนัขก็หวดแส้ใส่ชายหนุ่มคนนั้นไม่หยุด

“หยุดตีข้าเถอะนายท่านได้โปรด”

ดวงวิญญาณที่พึ่งเข้าสู่ยมโลกส่วนมากยังไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ตายไปแล้ว หลายคนยังส่งเสียงตวาดด่าทอด้วยความโกรธแค้นแต่ในที่สุดก็ต้องจำยอมรับสภาพเมื่อเผชิญหน้ากับการถูกทำร้ายโดยไม่หยุดหย่อน

เมื่ออยู่ในยมโลกไม่ว่าอดีตจะเคยยิ่งใหญ่มากถึงเพียงไหนหรือยากจนมันก็ไร้ซึ่งคุณค่าและไร้ความหมายในยมโลกแห่งนี้

ในส่วนลึกของจักรวาลที่ไหนสักแห่งได้มีแสงเปล่งประกายริบหรี่

[เริ่มการค้นหาร่างต้นที่เหมาะสม]

*********************************

แทนไม่ทราบเลยว่าวันเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่เขายังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามแถวของเหล่าวิญญาณที่ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุดไปอย่างเงียบงันเพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ส่งเสียงหรือไม่เชื่อฟังจะถูกปีศาจฟาดแส้เข้าใส่ ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของการกลายเป็นวิญญาณก็คือเขาไม่มีความรู้สึกหิวกระหายแต่อย่างใดแต่ทันใดนั้นเอง

“แทน” ได้มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อเขา

เสียงเรียกชื่อของเขาก้องไปทั่วบริเวณจนเขาและดวงวิญญาณอีกนับไม่ถ้วนต่างก็อดไม่ได้ที่จะต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องนภา

ที่ท้องนภามีเมฆหมอกสีดำสนิทลอยออกมามีบุรุษร่างกายใหญ่โตที่สูงใหญ่กว่าขุนเขายืนสง่าอยู่ท่ามกลางประกายแสงสีดำ

บุรุษร่างยักษ์จ้องมองลงมามีลำแสงสีทองสาดส่องออกจากดวงตาทั้งคู่ของบุรุษร่างยักษ์ควบคุมพื้นที่เบื้องล่างจนมาหยุดอยู่บนล่างของแทนที่ยืนตัวแข็งทื่อ

แทนที่ถูกลำแสงสีทองจากดวงตาของบุรุษร่างยักษ์ห่อหุ้มไว้ หายวับออกจากแถวไปต่อหน้าต่อตาของเหล่าทหารปีศาจที่พากันหุบปากสนิท ส่วนวิญญาณทั้งหลายนั้นขวัญหนีดีฝ่อตั้งแต่แรกแล้ว

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าในกลุ่มหมู่เมฆทมิฬร่างของแทนซึ่งมีขนาดเพียงจุดสีดำยืนอยู่บนฝามือที่ยื่นออกมาอยู่ด้านหน้าของบุรุษร่างยักษ์

 

ติ้ง

[ค้นพบร่างต้นที่เหมาะสม]

ติ้ง

[กำลังประมวลผล]

[ค้นหาระบบที่เหมาะสมกับร่างต้น]

ติ้ง

[10% 20% 50% 80% 100%]

[ค้นหาเสร็จสมบูรณ์]

ติ้ง

[ติดตั้งระบบอัพเกรดเรียบร้อย]

ระหว่างที่หายตัวมานั้นในหัวของแทนปรากฏเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นมาในหัวในระหว่างที่เขากำลังคิดอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองมันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

“แทนข้าได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าตำหนักหลินให้พาเจ้าไปพบ”บุรุษร่างยักษ์ก้มกล่าวกับแทนที่ยืนอยู่บนฝ่ามือก่อนจะตวัดข้อมือส่งแทนเข้าสู่ช่องว่างมิติที่มืดสนิทแล้วจากนั้นตัวของบุรุษร่างยักษ์ก็ลอยหายไป

ที่ยมโลกเมืองเชียงตู

ภายในห้องที่เงียบสงัดแทนได้ปรากฏตัวแล้้วยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวคนที่สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวที่กำลังพลิกอ่านหนังสือเล่มใหญ่อยู่ต่อหน้าเขา

“ทำไมท่านเจ้าตำหนักหลินถึงได้อยากพบเจอเขา”แทนครุ่นคิดขึ้นมาอย่างเงียบๆในใจ

แทนได้แต่ประหลาดใจเขาไม่เคยเจอและไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเจ้าตำหนักเป็นใครเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งไม่เคยรู้จักเทพเจ้าที่ไหนไม่เคยรู้จักผู้ยิ่งใหญ่คนใด

“เขาส่งคนออกไปรับเราให้มาพบแต่กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย”แทนเริ่มสังเกตบริเวณรอบๆห้อง

ห้องหนังสือแห่งนี้นั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายนอกจากตู้หนังสือและโต๊ะแล้วมีเพียงภาพวาดของหญิงงามใบเดียวเท่านั้น

“นี่”แทนจับจ้องมองภาพวาดด้วยความสนใจ

ผู้หญิงในภาพสวมใส่ชุดคลุมขนนกทั้งรูปร่างหน้าตาในเครื่องแต่งกายล้วนแฝงไปด้วยแรงดึงดูดอันแปลกประหลาด บนใบหน้าของนางยังประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ลี้ลับยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์ใดที่เขาเคยพบเห็นมาก่อนบนโลก

ชั่วพริบตานั้นเองแทนลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างจมอยู่ในภวังค์ของการจ้องมองรูปภาพของหญิงสาว

ติ้งบันทึกภาพของเทพธิดาหนี่วาถูกจารึกลงในจิตใจเรียบร้อย

ช่วงที่แทนอยู่ในภวังค์แทนไม่ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นในหัวของเขาเลย

หญิงสาวคนส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจนางละสายตาจากหนังสือแล้วเงยหน้าจ้องมองมาที่แทน

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถเข้าถึงภาพนี้ได้แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

“จงตื่น” เจ้าตำหนักหลินเอ่ยเสียงแผ่วเบาการรับรู้ของแทนมันแตกสลายลง เขารู้สึกตัวอีกครั้งและพบว่าตนเองยังอยู่ในห้องหนังสือห้องเดิม

เจ้าตำหนักหลินปิดหนังสือเล่มหน่าลงบนปกมีถ้อยคำจารึกว่าบันทึกแห่งชีวิตและความตาย

หลังจากที่นางปิดหนังสือแล้วส่งยิ้มให้กับแทนที่กำลังยืนตะลึงอยู่

“ข้ากำลังอ่านเรื่องราวชีวิตของเจ้า”

แทนนั้นสะดุ้งตกใจ “ชีวิตของผมหรอ”

เรื่องราวในชีวิตของเขานั้นปรากฏขึ้นในจิตใจอย่างช้าๆ พ่อของเขาเป็นทหารในกองทัพบกของโลกในใบนี้ส่วนแม่ของเขานั้นเปิดร้านอาหารครอบครัวเล็กๆ

ซึ่งความจริงการได้อยู่ในครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้แทนสมควรจะมีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวของเขา แต่พ่อของเขาเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่และหลังจากนั้นไม่นานแม่ของเขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้แม่ของเขาเสียชีวิต ตอนที่แม่เสียชีวิตเขานั้นอายุเพียง 15 ปีเท่านั้นทำให้เขาต้องอยู่ตามลำพังถึงจะลำบากไปบ้างแต่เขาก็สามารถอยู่ได้เขาได้เปิดร้านอาหารต่อจากแม่ของเขา เพราะเขาได้เงินประกันของพ่อและแม่เยอะพอสมควร

ตอนที่แม่ของเขาเปิดร้านอยู่เขาได้ช่วยแม่ในการทำอาหารในร้านทำให้เขามีฝีมือในการทำอาหารเป็นอย่างมาก แต่พอเขาอายุได้ 18 ปีเขานั้นกลับสมัครเป็นทหารตั้งแต่ตอนนั้น เขาเข้าโรงเรียนนายร้อยฝึกฝนทุกอย่างเกี่ยวกับทหารค่อยๆไต่เต้าไปทีละขั้น เขามีพ่อเขาเป็นแบบอย่างพ่อเขานั้นปฏิบัติการต่างๆช่วยเหลือผู้คนมากมาย

เขาได้เข้าหน่วยรบพิเศษออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้คนไว้ได้มากมายเช่นเดียวกันกับพ่อของเขา และก็มีบ้างที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน ในตอนนี้นั้นเขามาทำสงครามอยู่ที่ชายแดนประเทศเวียดนามซึ่งเป็นภารกิจลับ ประชาชนบุคคลธรรมดาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นการสู้รบระหว่างสองประเทศอย่างเงียบๆ ตั้งแต่มาปฏิบัติการที่เวียดนามนั้นเขาช่วยเหลือเด็กๆไว้มากมายจากการที่เด็กถูกจับมาขายแรงงานหรือถูกลักพาตัวมาสำหรับฆ่าเอาอวัยวะต่างๆไปขายให้ผู้มีอิทธิพล

เขาเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติการถอยกลับไปยังค่าย เขาช่วยลูกทีมและพวกเด็กๆไว้ ส่วนเขาต้านพวกทหารฝ่ายตรงข้ามและจบชีวิตลงอย่างสมเกียรติ

แต่ยังนับว่าโชคดีเพราะโลกในยุคปัจจุบันนั้นการก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก้าวไปไกลระหว่างที่เขาเป็นทหารอยู่นั้นเขายังอ่านหนังสือและท่องอินเทอร์เน็ตได้ทั้งสองสิ่งนี้ช่วยทำให้เขามีโลกส่วนตัวและการป้องกันเขาออกจากความเศร้าต่างๆ

เขาอ่านหนังสือและท่องโลกอินเทอร์เน็ตซึ่งนั่นช่วยให้เขารู้จักการมองโลกอย่างมีเหตุมีผลและและได้ศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องธุรกิจต่างๆมากมาย

เขาได้รับรู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีเด็กอีกมากมายที่อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเขาทำให้เขาคิดจะช่วยเด็กๆเหล่านั้นให้มีอนาคตที่ดีขึ้น จะได้ไม่เหมือนเด็กๆที่อยู่ชายแดนหรือในสนามรบ

เขาเริ่มต้นโดยใช้เงินเก็บทั้งหมดของเขา 500,000 บาท เขาได้ทำการค้าบนอินเทอร์เน็ตและการเล่นหุ้นแต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างงดงามสร้างผลกำไรอันมหาศาลภายในช่วงเวลาไม่กี่ปี ตลอดระยะเวล15ปี เขาเป็นผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับต้นๆของโลก

อย่างไรก็ตามชีวิตการเป็นทหารของเขานั้นก็ไม่ได้เรียบง่ายก่อนที่เขาจะไปทำภารกิจลับ เขาได้บริจาคเงินทั้งหมดที่มีให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กที่เจ็บป่วยยากไร้และเด็กๆที่เขาได้ช่วยเหลือไว้ทั่วประเทศ

“เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทุกคนได้แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเด็กพวกนั้นได้”นั่นคือความมุ่งมั่นสุดท้ายที่อยู่ในใจเขาอย่างตั้งมั่ง

หลังจากบริจาคเงินทั้งหมด เขากลับไม่รู้เลยว่าเขาก็ได้เสียชีวิตลงระหว่างปฏิบัติภารกิจลับครั้งนั้น

งานศพของเขานั้นจัดอย่างเรียบง่ายมีผู้คนมากหน้าหลายตามางานศพของเขาโดยเฉพาะลูกทีมของเขาและเด็กๆจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กที่เขาได้ช่วยเหลือไว้

“เจ้าใช้ชีวิตอย่างขมขื่นถึงเจ้าจะทำทุกอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม”เจ้าตำหนักหลินกล่าวอย่างอ่อนโยน

“แต่ความข่มขืนกับมิได้ทำให้เจ้าเดินอยู่ในเส้นทางที่ผิดเพี้ยนตรงกันข้ามมันเป็นแรงผลักดันให้เจ้าประสบความสำเร็จไม่เพียงแต่เจ้าจะเป็นทหารที่เก่งกล้าและยังร่ำรวยมหาศาล เจ้ายังได้บริจาคสิ่งที่มีทั้งหมดนั้นให้แก่ผู้อื่นด้วยแต่น่าเสียดายที่เจ้าอายุสั้นนักมีชีวิตเพียงแค่33ปีเท่านั้น”เจ้าตำหนักหลินถอนหายใจ

“เจ้ายอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักกันได้ขนาดนี้นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก”

“ท่านเจ้าตำหนักหลินชื่นชมเกินไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายผมอาจไม่ทำเช่นนั้นก็ได้”

เจ้าตำหนักหลินหัวเราะแล้วพริกดูบันทึกแห่งชีวิตและความตายแล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เมตตาและทรงอำนาจ  “แทนทั้งชีวิตของเจ้า เจ้าได้ช่วยเหลือผู้คนนับล้านไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ล้วนถือว่าเป็นกุศลอันประเสริฐดังนั้นเจ้าจะได้ไปเกิดใหม่ในเทวโลก”

“เทวโลก”แทนทวนคำพูดเบาๆ

“มีเพียงผู้ที่สะสมบุญอันยิ่งใหญ่จึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่เทวโลกคนเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนักในโลกที่เจ้าเพิ่งจะจากมา”เจ้าตำหนักหลินถอนหายใจ

“ยิ่งผู้ที่เจ้าได้ช่วยเหลือไว้เป็นเด็กก็ยิ่งถือเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”แทนสับสนไปกับคำพูดของเจ้าตำหนักหลิน

“การทำบุญเยอะๆไม่ใช่เรื่องดีหรอครับ มันมีการแบ่งแย่งด้วยรึ”แทนถามเจ้าตำหนักหลิน

“มนุษย์ถือกำเนิดมาด้วยความบริสุทธิ์ปราศจากความอาฆาตมาดร้ายเด็กทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นเช่นนั้น หากว่าที่เจ้าได้ช่วยเหลือเป็นพวกผู้ใหญ่อย่างนั้นก็ยากจะบอกได้ว่าเจ้าช่วยเหลือคนดีหรือช่วยเหลือคนเลวหากว่าเจ้าช่วยเหลือคนเลวนั่นจะทำให้บุญกุศลของเจ้าลดลง”เมื่อได้ฟังถึงตอนนี้แทนจึงเริ่มเข้าใจ

“ที่จริงในบันทึกแห่งชีวิตและความตายได้ลิขิตให้เจ้าตายเมื่ออายุ25ปีแต่เนื่องด้วยจากความดีงามที่เจ้าได้สั่งสมไว้เจ้าจึงเสียชีวิตเมื่ออายุได้33ปี”

แทนตกใจสุดขีด “ท่านกำลังจะบอกว่าลิขิตของบันทึกแห่งชีวิตและความตายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดอย่างนั้นหรือ”

“แน่นอนว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้”เจ้าตำหนักหลินหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามของแทน

“สำหรับข้าแล้วการจะเพิ่มอายุขัยของคนผู้หนึ่งไม่นับว่ายากเย็นอันใดอย่าว่าแต่ฝืนลิขิตของบันทึกแห่งชีวิตและความตายนี้เลยแม้แต่สวรรค์เองก็เถอะ สวรรค์ได้กำหนดให้มนุษย์ทุกคนต้องตายแต่สุดท้ายก็ยังละเว้นหนทางรอดไว้ให้เสมอ ”

“แต่ว่าผู้ที่ก่อบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่สมควรมีอยู่มากมายทำไมท่านเจ้าตำหนักหลินถึงได้เรียกข้ามาพบแต่เพียงผู้เดียว”แทนสงสัยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“นั่นเพราะว่าข้าและเจ้าเป็นคนบ้านเดียวกัน”

“ท่านเองก็มาจากโลก”แทนนิ่งอึ้งอยู่สักพัก

“ใช่ถ้าใช้คำศัพท์ของโลกยุคปัจจุบันเช่นพวกเจ้าข้าเองก็มาจากดาวเคราะห์ที่เรียกว่าโลกแต่ว่าอยู่คนละยุคสมัย”

“เช่นนั้นที่ข้าได้ยินวิญญาณบางดวงอ้างว่าเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่เป็นองค์ชายองค์หญิงวิญญาณเหล่านั้นคงไม่ได้มาจากโลก”แทนพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่วิญญาณส่วนใหญ่จะไม่ได้มาจากโลกของพวกเราเพียงอย่างเดียวในจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ประกอบไปด้วยดินแดนไตรภูมิซึ่งก็คือเทวโลกยมโลกและโลกมนุษย์สำหรับโลกมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็นดินแดนหลักสามพันแห่งและดินแดนย่อยอีกนับไม่ถ้วนโลกที่พวกเราจากมานั้นเป็นหนึ่งในดินแดนย่อยเหล่านั้นด้วย”

แทนไม่อาจข่มความตื่นตระหนกเอาไว้ได้

จักรวาลอันกว้างใหญ่งั้นหรือ โลกเป็นเพียงแค่1ในดินแดนย่อยที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเท่านั้น

คิดไปแล้วช่างน่าสลดที่มนุษย์บนโลกกับคิดว่าตนเองคือศูนย์กลางของจักรวาล

“ดินแดนหลัก3000แห่งดินแดนย่อยอีกนับไม่ถ้วนแน่นอนว่ามีวิญญาณที่สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่อยู่มากมายหากว่าคนที่มาจากโลกเดียวกันกับข้าช่างมีน้อยนิดนักนี่ยังไม่ได้นับว่าเจ้ามีอายุขัยแสนสั้นแต่กลับสามารถสร้างบุญกุศลจนถึงขั้นนี้ข้าถึงจึงอยากพบเจ้าเป็นพิเศษและมอบของบางสิ่งบางอย่างให้กับเจ้า ตอนนี้ข้าพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง ส่วนเจ้าถูกกำหนดให้ไปเกิดใหม่ดังนั้นข้าจะอธิบายเรื่อง6สังสารวัฏแห่งการเกิดใหม่ให้เจ้าได้ฟัง”

“6สังสารวัฏแห่งการถือกำเนิดประกอบไปด้วยเทวภูมิ อสูรภูมิ มนุษย์ภูมิ เดรัจฉานภูมิ เปรตภูมิและนรกภูมิ ผู้ที่ถือกำเนิดในเทวภูมิและอสูรภูมิถือได้ว่าได้กำเนิดในเทวโลกส่วนผู้ที่ถือกำเนิดในเปรตภูมิและนรกภูมินั่นนับว่าเป็นชาวยมโลก”

“เทวโลกที่เจ้าได้กับชาติไปเกิดนั้นถือว่าเป็นโลกที่ดีที่สุด เนื่องจากธรรมชาติจะเป็นผู้ให้กำเนิดแก่เหล่าเทวดาและมีแต่ผู้ที่ธรรมชาติให้กำเนิดเท่านั้นถึงจะถือว่าเป็นรูปแบบชีวิตบริสุทธิ์”

“ผู้ให้กำเนิดไม่ใช่พ่อแม่”แทนคิดสิ่งที่ได้ยินและอุทานออกมา

“ถูกต้องแล้วไม่เช่นนั้นจะนับเป็นรูปแบบชีวิตบริสุทธิ์ได้อย่างไร สวรรค์และพิภพนั่นแหละคือบุพการีของเจ้า ส่วนมนุษย์ภูมิพ่อแม่ของเจ้าคือผู้ให้กำเนิดและชุบเลี้ยงมอบความอบอุ่นให้กับเจ้าหลังจากถือกำเนิดในเทวโลกแล้วเจ้าจะถูกชักนำเข้าสู่ตำหนักสวรรค์เพื่อเป็นนักรบหรือขุนพลสวรรค์”

แทนเอามือนวดขมับของตัวเอง นักรบหรือขุนพลสวรรค์มีคำพูดหลายอย่างที่ยังทำให้สับสนมึนงง

“ ผู้ที่ถือกำเนิดในเทวภูมิอภิสิทธิ์อีกประการหนึ่งเมื่อเจ้าอายุครบ16ปีเจ้าจะได้รับความทรงจำของชาติก่อนกลับคืนมา ที่ข้าเรียกเจ้าเข้ามาพบก็เนื่องจากกรรมดีของเจ้าและความเป็นคนบ้านเดียวกัน”

เจ้าตำหนักหลินหยุดถอนหายใจและจึงกล่าวต่อไป

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะถูกดึงดูดโดยภาพของหนี่วาเทพธิดาผู้สร้างมนุษยชาติ”

“ความสามารถในการรับรู้ของเจ้ากับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อถือว่านี่เป็นการสนับสนุนให้เจ้าเป็นขุนพลสวรรค์ชั้นแนวหน้าก็แล้วกัน”

แทนมองตามมือของเจ้าตำหนักที่ชี้ไปสร้างภาพวาดที่แขวนผนังไว้ แท้จริงแล้วเป็นรูปของเทพธิดาหนี่วา

“เทพธิดาหนี่วาคือผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและทรงอิทธิฤทธิ์ที่สุดแห่งยุคกำเนิดโลก”เจ้าตำหนักหลินกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“นับตั้งแต่ที่ผานกู่เสียชีวิตจากการสร้างห่วงจักรวาลมีเพียงนางที่มีความสามารถเทียบเท่าผานกู่ได้เทพธิดาหนี่วาสามารถทำลายห่วงจักรวาลและสามารถซ่อมแซมมันได้ นางสร้างสรรค์ชีวิตที่มีอยู่นับไม่ถ้วนทั้งยังเข้าใจในหลักความจริง84,000ประการอย่างทะลุปรุโปร่งนางคือผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในไตรภูมิโดยไร้ข้อโต้แย้ง”

“ผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในไตรภูมิ”แทนทบทวนคำพูดเขาเองก็เคยได้ยินตำนานของเทพหนี่วามาก่อนเช่นกันตอนอยู่บนโลก

“ภาพวาดนี้ใช้สำหรับฝึกการเพ่งจิตหรือสมาธิแม้ว่าอีกหน่อยตัวเจ้าเองจะได้รับการเรียนรู้วิชาเพ่งจิตในเทวโลกแต่ข้าจะถือโอกาสนี้ชี้แนะเจ้าเอง บางที่นี่คงเป็นผลแห่งกรรมที่เราเคยผูกพันกันไว้และทำให้เราได้มาเจอกัน”

“ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนักหลิน”แทนก้มหัวขอบคุณ

“ไม่ต้องมาพิธีที่จริงนี่เป็นเพียงวิชาทั่วไปเท่านั้นมิใช่วิชาลับแต่อย่างใด” เจ้าตำหนักพลันจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากของแทน

ตูม

ห้วงสมองของแทนเต้นระทึกจนแทบแตกระเบิดภาพของเทพธิดาหนี่วาปรากฏในความคิดของเขาอีกครั้ง

ติ้ง

[ได้รับวิชาเพ่งจิตว่างเปล่า]

เจ้าตำหนักไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาให้ไปนั้นไม่ใช่แค่ภาพเทพธิดาหนี่วาเท่านั้นและไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้อนาคตกำเนิดตัวตนที่ไร้เทียมทานขึ้นมา

“จดจำไว้ เพ่งจิตไปที่ภาพของเทพธิดาหนี่วาเป็นประจำจะช่วยให้จิตของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในการกลับชาติไปเกิดเจ้าจะต้องดื่มน้ำทิพย์ของเม่งผอซึ่งจะลบความทรงจำของเจ้าไปชั่วคราว ก่อนที่ความทรงจำของเจ้าจะกลับคืนมาอีกครั้งเมื่ออายุสิบหกปี แต่แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะช่วยส่งเสริมให้เจ้าเป็นนักรบที่โดดเด่นในทัพสวรรค์ ด้วยการฝึกเพ่งจิตนี้เจ้าจะมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะบรรลุเป็นผู้อมตะสวรรค์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงเราคงได้พบกันอีกครั้งในตำหนักสวรรค์”

ทัพสวรรค์

ผู้อมตะสวรรค์

ภายในใจของแทนเอ่อล้นไปด้วยความตื่นเต้นเขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปให้ถึงจุดนั้น

“ไป” เจ้าตำหนักหลินโบกมือส่งแทนหายลับไปจากห้องหนังสือ

*********************************************************************

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่องทางyoutube ด้วยนะครับ

ช่อง เล่าไปเรื่อย Channel

https://www.youtube.com/channel/UCq0jhJfgu3BFHkCtMgcTBcQ

 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น