“เจ้าเดรัจฉานน้อยนี่ ยังกล้าหนีอีกรึ? ข้าจะตีเจ้าให้ขาหักเลยคอยดูสิ!” หญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่นชูท่อนไม้ไผ่ไว้ในมือ หอบหายใจพลางก่นด่า
ซูเหยียนไม่ทันระวังถูกท่อนไม้ไผ่หวดเข้า ร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมก็ยากที่จะประคองตัวเอง
เมื่อนางนึกถึงชีวิตอันมืดมนทั้งสองวันหลังจากเดินทางข้ามเวลามา นางจึงฉวยโอกาสชั่วอึดใจวิ่งออกจากประตูบ้าน
ขณะนั้น หญิงชรารีบวิ่งตามมา แต่กลับทำท่อนไม้ไผ่หล่นหายไป
“สวรรค์ โปรดทำให้นางตาสว่างทีเถิด!” หญิงชรานั่งลงตรงหน้าประตูพลางดึงชายกางเกงของซูเหยียนไว้
“ตระกูลซูของพวกเรากินดีอยู่ดี เลี้ยงให้เจ้าเติบใหญ่มาขนาดนี้
ไม่คิดเลยว่าพวกเราได้เลี้ยงคนอกตัญญูเอาไว้! เจ้าที่ได้อยู่ดีกินดี ทางบ้านต้องการความช่วยเหลือ เจ้ากลับวิ่งแจ้นหนีไป! สวรรค์ ข้าไม่อยู่แล้ว ทนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว...”
“ให้ข้าตายไปเสียเถิด!”
เสียงร่ำไห้ของหญิงชราดังขึ้นอีกหนึ่งระดับ
บนร่างของซูเหยียนยังคงแบกสัมภาระธรรมดาๆ ในสายตาชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายังเห็นด้วยกับคําพูดของหญิงชรา
ซูเหยียนยิ้มอย่างโกรธเคือง
ไม่คิดเลยว่าหญิงชราผู้นี้จะเล่นละครได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! นางหันไปมองหญิงชราพลางเอ่ยถาม
“เช่นนั้นขอถาม จะให้ข้าช่วยอันใด”
“ผลเก็บเกี่ยวปีนี้ไม่ดี
ตระกูลเรามีทั้งหมดสิบกว่าคน...” หญิงชราเปลี่ยนเรื่อง
“นายพรานตรงทางเข้าหมู่บ้านผู้นั้นมอบเงินขวัญถุงหมายให้เจ้าแต่งงาน เงินนี้สามารถช่วยชีวิตครอบครัวเราได้
แต่เจ้า แต่เจ้ากลับคิดหนีการแต่งงาน! เจ้ามันไร้จิตสำนึก พวกเราทำเจ้าเสียนิสัย!” จากนั้นหญิงชราก็เริ่มเช็ดน้ำตาอีกครั้ง
หากไม่ใช่เพราะร่างกายที่ทรุดโทรมและอ่อนแอ กระทั่งซูเหยียนเองก็ยังสงสัยว่าหลังจากเดินทางข้ามเวลามา ความทรงจําเจ้าของร่างเดิมทั้งหมดที่ได้รับนั้นคลาดเคลื่อนไปหรือไม่?
หญิงชราคือท่านย่าของเจ้าของร่างเดิม นามหลี่ซื่อ
หลังจากการตายอย่างคาดไม่ถึงของบิดาเจ้าของร่างเดิม ความเป็นอยู่ในบ้านก็ลำบากมากยิ่งขึ้น
ไม่รวมการตายตั้งแต่เยาว์วัย ยามนี้ตระกูลซูมีบุตรทั้งหมดแปดคน ซูเหยียนอยู่อันดับที่เจ็ด และนางยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคน ทว่างานล้างจาน ทำกับข้าว ซักผ้าและเย็บปะในบ้าน ส่วนใหญ่แล้วจะถูกโยนไปให้พวกนางสองคนพี่น้อง ซูเหยียนสงสารน้องสาว
จึงรับผิดชอบงานเย็บปักถักร้อยไว้ทั้งหมด นี่ยังไม่จบ ซูเหยียนไม่เพียงแต่ทํางานบ้านเท่านั้น ทั้งยังต้องทําการเกษตรอีกด้วย
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน
แต่ถึงที่สุดแล้วกลับแบ่งผักป่าและหมั่นโถวเพียงครึ่งหนึ่งให้เท่านั้น
นี่ก็คือกินดีอยู่ดีที่หลี่ซื่อคุยโวไว้อย่างไร้ยางอาย!
ซูเหยียนกระดกริมฝีปากยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านดูผิวหุ้มกระดูกของข้าสิ
มันดูอยู่ดีกินดีหรือไม่?”
“ใครใช้ให้เจ้ากินเก่งแต่ไม่อ้วนกัน!” หลี่ซื่อตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ
ผู้คนรอบข้างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ และมักมีสองสามประโยคลอยเข้ามาในหูของซูเหยียน
เดิมทีเด็กสาวหมายออกเรือน ทว่าด้วยฐานะของนางแล้ว ยังคิดที่จะแต่งงานกับขุนนางใหญ่อยู่อีกหรือ? นายพรานตรงทางเข้าหมู่บ้านก็เหมาะสมแล้ว
ครอบครัวเลี้ยงดูนางมาจนขนาดนี้
กลับหวังอันใดมิได้เลย
บ้านผู้ใดมีเด็กสาวอย่างซูเหยียน นับว่าโชคร้ายไปแปดชั่วคนแล้ว
นางข้ามเวลามายังตระกูลซูถึงได้โชคร้ายไปแปดชั่วคนต่างหาก! ซูเหยียนพยายามระงับโทสะที่เดือดพล่านในใจ ก่อนกล่าวกับหลี่ซื่ออีกครั้ง “ท่านย่า
เช่นนั้นข้าอยากถามว่า รังไหมที่เต็มมือข้ามาจากที่ใด? ไยหลังข้าถึงโค้งงอ? และไยดินเหนียวในรอยแตกที่มือข้าถึงได้ล้างไม่ออก?”
ดวงตาของหลี่ซื่อกระพริบด้วยความหวาดกลัว
จากนั้นลุกขึ้นจับมือของซูเหยียนลากนางกลับบ้าน
“ปล่อยข้า!” ซูเหยียนเดือดดาลอย่างไม่อาจควบคุมได้
ชาติก่อนนางหรือจะเคยถูกผู้อื่นปฏิบัติต่อเช่นนี้? ทว่านางกลับลืมสถานการณ์ของตนเอง ความโกรธที่โหมท่วมจิตใจจึงทําให้นางหมดสติไป
ดวงตาขุ่นมัวของหลี่ซื่อขยับไปมา
เผยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีผู้ใดพบเห็นออกมา
...
หิวจัง
ซูเหยียนเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ภายในท้องส่งเสียงดังโครกคราก
ถ้าได้กินเนื้อวัวอบแห้งที่เข้าใหม่ในร้านก็ดีสิ นั่นเป็นซัพพลายเออร์* ที่นางเพิ่งเจรจาจากมองโกเลียใน** รสชาติมันยอดเยี่ยมมาก
กรอบแกรบ... ในมือของซูเหยียนปรากฏถุงเนื้อวัวอบแห้งรสเผ็ดขึ้น นางที่ยังได้สติไม่เต็มร้อยตกใจกระโดดขึ้นจากเตียงดินในทันที นี่เป็นยุคโบราณล่ะ! ยุคโบราณ! นอกจากนี้ เนื้อวัวอบแห้งนี่ไม่ใช่สินค้าใหม่ของนางหรอกหรือ?!
พูดกันตามจริงแล้ว สวรรค์ไร้ซึ่งดวงตา
การถูกคู่แข่งของพ่อวางยาพิษก็เกินพอแล้ว
ข้ามเวลามาก็ข้ามมายังสถานที่ที่นกไม่อึแบบนี้ และสิ่งที่น่าเคียดแค้นที่สุดก็คือครอบครัวอันยอดเยี่ยมนี่ สาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมต้องตายนั้นก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นเพราะความหิวโหยและเหนื่อยล้าเกินไป
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ซูเหยียนรีบแกะห่อออกและกินมันคำใหญ่
มืออีกข้างหนึ่งของซูเหยียนหยิบแก้วน้ำขึ้นมา และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าน้ำหมดนานแล้ว ทว่าในเวลานี้กลับมีสายน้ำน้อยๆ
ไหลออกมาอย่างไม่มีมูล
เกิดอะไรขึ้น?
ทันใดนั้น
ร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของซูเหยียน
ตอนนี้น้ำของตู้น้ำภายในร้านกําลังไหล ทว่ากลับหายเข้าไปกลางอากาศ ซูเหยียนทั้งตกใจและดีใจ นางตรวจสอบสิ่งของบนชั้นวางอย่างอดทน ก่อนพบว่าเนื้อวัวอบแห้งรสเผ็ดหายไปหนึ่งถุง
คิดไม่ถึงเลยว่าร้านของนางจะข้ามเวลาตามมาด้วยงั้นเหรอ?
ซูเหยียนดื่มน้ำในแก้วหมดอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกที่เติมเต็มท้องนั้นทําให้นางฟื้นคืนความสามารถในการไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง
“เจ้าเจ็ด เจ้าเจ็ด...” เมื่อนางเงยหน้ามอง เป็นซูหลันชิว อาหญิงของเจ้าของร่างเดิม นางแอบเปิดประตูก่อนเรียกเสียงต่ำ “รีบหนีไป”
ซูเหยียนเดินเข้าไปหาพลางกล่าวถาม
“ท่านอา ท่านเปิดประตูนี้ได้อย่างไร?”
เนื่องจากซูหลันชิวเป็นโรคผิวเผือกตั้งแต่ยังเด็ก พูดได้ว่าชีวิตของนางจะโดดเดี่ยวและเป็นภัยต่อคนรอบข้าง
ดังนั้นซูหลันชิวจึงถูกขับไล่ออกมา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซูหลันชิวอาศัยอยู่ภายในกระท่อมมุงจากบนภูเขาตัวคนเดียวมาโดยตลอด
บางทีอาจเป็นเพราะหัวอกเดียวกัน หรืออาจเป็นเพราะอายุสามสิบกว่าปีแล้วยังคงโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ดังนั้นซูหลันชิวจึงคิดว่าพี่น้องซูเหยียนทั้งสองเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของตน
ทว่าตระกูลซูไม่เคยอนุญาตให้ซูหลันชิวเข้ามา นางได้ลูกกุญแจมาได้อย่างไรกัน?
เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาสงสัยของซูเหยียน
ซูหลันชิวรู้สึกลําบากใจเล็กน้อย “ข้าอยากมาตั้งแต่สองวันก่อน ทว่าคิดหาวิธีไม่ได้ เมื่อวานจึงใช้เสบียงอาหารเล็กน้อย ให้ช่างเหล็กสอนข้าปลดกุญแจ... นี่ เจ้ารีบไปก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“ไม่ต้องรีบร้อน ท่านกินสิ่งนี้เสียก่อน”
ซูเหยียนยัดเนื้อวัวอบแห้งถุงเล็กที่เหลือให้ซูหลันชิว “เพียงแต่มันเผ็ดเล็กน้อย”
ซูหลันชิวมองไปยังท่าทางที่ดูไม่ร้อนรนของซูเหยียน
นางกระวนกระวายใจยิ่งนัก ก่อนมองสิ่งแปลกใหม่ในมืออีกครั้ง นางทั้งเดือดดาลและปลื้มปิติเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
“สิ่งนี้คืออันใด?”
ซูเหยียนช่วยฉีกถุงออก นางคิดเพียงว่าซูหลันชิวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติต่อนางด้วยใจจริง และแน่นอนว่าต้องการให้นางได้ลิ้มรสของดีเสียหน่อย แต่กลับลืมไปว่าที่นี่คือยุคโบราณ มีถุงสุญญากาศประเภทนี้ที่ไหนกัน? แต่ภายในไม่กี่วินาทีที่ฉีกซอง ซูเหยียนได้คิดคําพูดเอาไว้แล้ว นางกล่าวว่า
“นายหญิงเทพภูผาสำแดงฤทธิ์ เข้าฝันข้า เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นสิ่งนี้แล้ว”
คนโบราณส่วนใหญ่มักเชื่อเรื่องพวกนี้ จากนั้นซูหลันชิวก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก
“ในเมื่อเป็นนายหญิงเทพภูผาให้เจ้า
เช่นนั้นเจ้าก็เก็บมันไว้ให้ดี...”
ขณะที่ซูเหยียนกําลังจะพูดบางอย่าง
นางกลับเห็นเนื้อวัวอบแห้งในมือของซูหลันชิวถูกแย่งชิงไป
“ตระกูลซูของพวกเราเลี้ยงเจ้าให้อยู่ดีกินดี ให้เจ้าได้ออกเรือนเจ้ากลับไม่ยอม ยามนี้กลับเรียนรู้ที่จะลักไก่ขโมยสุนัข*** กับตัวอับโชคนี่แล้วหรือ?” คนผู้นั้นกําเนื้อวัวอบแห้งไว้ในมือแน่น
เห็นได้ชัดว่าผู้นั้นรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอม ทว่าใบหน้ากลับดูดุร้าย
“เจ้านี่มันกินบนเรือนขี้บนหลังคา!”
*ซัพพลายเออร์ หมายถึง ผู้จัดหาสินค้าและบริการเพื่อนำมาจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการต่างๆ
**มองโกเลียใน หมายถึง
เขตปกครองตนเองระดับมณฑล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน
***ลักไก่ขโมยสุนัข เป็นสำนวน หมายถึง การกระทำอันผิดศีลธรรม
ไม่มีคอมเม้น