Aa
Aa
Aa

         ย้อนกลับไปเมื่อ ห้าปีก่อน ณ ป่าอสูร


 


 

  

         ตู้มมมม!!   


 

    เสียงบางสิ่งตกลงมา ณ ใจกลางป่าอสูร ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นป่าที่มีอสูรระดับสูงเยอะที่สุดในทวีปจรัสแสง!! โดยมีเทพอสูรนามว่า ไป๋หยาง เป็นผู้ปกครองป่าอสูรแห่งนี้


 


 

   เสียงที่เกิดหลังจากบางสิ่งตกลงมาจากฟากฟ้านั้น ทำให้เหล่าสัตว์อสูรเกิดความตื่นตระหนก รวมทั้งเสียงนี้ยังดังกังวานไปไกลถึงเมืองหลวงของทวีปจรัสแสง จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงของสัตว์อสูรที่เลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น 


 

  องค์จักรพรรดิ์ จึงสั่งให้เหล่าทหารเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา ด้วยเกรงว่าสัตว์อสูรจะบุกเข้ามาภายในเมือง...


 


 

ณ ป่าอสูร


 


 

         เสียงที่เกิดขึ้นทำให้เทพอสูรไป๋หยางตื่นจากการบำเพ็ญพลัง เป็นผลให้เทพอสูรไป๋หยางที่ใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพอสูร ขั้นที่8 เป็นอันต้องยกเลิก เทพอสูรไป๋หยางมุ่งหน้าตรงไปที่บริเวณที่เกิดเสียงดังกล่าวขึ้น ด้วยความโกรธ พร้อมกับตะโกนออกไปว่า


 


 

  "มันผู้ใดบังอาจบุกรุกป่าอสูรของข้า จงแสดงตนออกมา ก่อนที่ข้าจะไปเด็ดหัวเจ้าทิ้งซะ!! " 


 


 

    เทพอสูรไป๋หยางปลดปล่อยพลังออกมาจนสัตว์อสูรที่อยู่บริเวรนั้นสั่นผวา แต่เมื่อไป๋หยางและเหล่าอสูรที่ตามมาด้วยนั้น เห็นภาพตรงหน้าพวกมันทุกตนล้วนต้องตกตะลึงพร้อมกับรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเทพองค์หนึ่ง ความโกรธที่ประทุออกมานั้นหายไปจนหมดสิ้น แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพยำเกรงแทน


 


 

    เทพองค์นี้มีเส้นผมสีทอง สวมเกราะเต็มตัวในมืออุ้มเด็กทารกอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เทพอสูรไป๋หยางแปลกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป....


 


 

" ข้าน้อยขอคาราวะท่านราฟาเอล เทพแห่งความรักและการทำลาย ไม่ทราบว่าท่านมายังที่ต่ำต้อยแห่งนี้ เพื่อจุดประสงค์อันใดกัน ข้าผู้น้อยขอทราบเหตุผลได้หรือไม่" 


 

        เทพอสูรไป๋หยาง กล่าวอย่างนอบน้อม เนื่องจากทราบว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่คนที่ควรไปยุ่ง... 


 


 

" ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านเทพอสูรไป๋หยาง ข้าได้ยินมาจากอัลบาร์หมดแล้วล่ะว่าถึงท่านจะเป็นอสูร แต่จิตใจและนิสัยของท่านนั้นดียิ่งกว่าเทพและมนุษย์บางคนที่มีจิตใจต่ำช้า ข้ามาที่นี่เพื่อมาขอร้องท่าน!!"


 

     เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ราฟาเอลเทพที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง ตอนนี้กลับกำลังคุกเข่าต่อหน้าเทพอสูรไป๋หยาง ส่งผลให้ตัวมันกับอสูรตนอื่นๆที่ตามมาด้วยแทบจะเป็นลมล้มพับ บางตัวถึงขนาดสลบไปแล้ว เมื่อเทพอสูรไป๋หยางเห็นแบบนั้น  มันพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะเทพที่ว่ากันว่าหยิ่งในศักศรีไม่ยอมก้มหัวให้ใคร  แต่ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตน ทำให้ตัวมันแข็งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรวบรวมสติได้จึบรีบกล่าวขึ้นมา


 

" ทะ..ท่านราฟาเอล!! โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย ข้าขอร้องล่ะ โปรดลุกขึ้นเถิดข้ารับการคุกเข่าจากท่านไม่ได้ ดังนั้นขอเพียงท่านสั่งมาข้าก็จะทำให้ดีที่สุด ท่านมีอะไรจะให้ข้าช่วยขอให้ท่านเอ่ยออกมาได้เลย!! " 


 


 

  เมื่อราฟาเอลได้ยินก็คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวต่อเทพอสูรไปหยางไปว่า


 


 

" ท่านช่วยดูแลบุตรของข้า และอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี โปรดปกป้องเขาจากอันตรายด้วยเถิด ข้าขอเพียงแค่นี้ แล้วอีกอย่างที่ท่านเห็นตรงหน้า ไม่ใช่ร่างแท้จริงของข้าหรอก นี่เป็นเพียงจิตวิณญาณเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ข้าแบ่งออกมาก่อนที่จะโดนปิดผนึก เด็กคนนี้ในวันข้างหน้าจะเป็นผู้กอบกู้ของเหล่าเทพ ข้าขอฝากบุตรข้าไว้กับท่านด้วย" 


 

   เมื่อได้ฟังสิ่งที่ราฟาเอลกล่าวมานั้น มันแทบจะสลบตามพวกที่เหลือทันที แต่ต้องประครองร่างตนไว้...


 


 

"ทะ..ท่านบอกว่านี่เป็นบุตรของท่านเช่นนั้นหรือ!!"


 


 

" ใช่แล้ว นี้เป็นบุตรเพียงคนเดียวของของข้าและอัลบาร์ " 


 

   เมื่อราฟาเอลกล่าวจบ  เทพอสูรไป๋หยางก็นิ่งค้าง ล้มหงายหลังหมดสติไปในทันที  เมื่อราฟาเอลเห็นก็อดยิ้มไม่ได้เพราะเป็นอย่างที่อัลบาร์กล่าวมาไม่มีผิด ไป๋หยางนั้นเป็นอสูรที่ดี แต่มักจะโดนเข้าใจผิดอยู่เสมอ เนื่องจากรูปลักษ์ภายนอกที่สร้างความหวาดกลัวให้กับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ... 


 

" นี่เจ้าน่ะ หลังจากไป๋หยางฟื้นขึ้นมาแล้วบอกเขาด้วยล่ะว่าข้าผนึกพลังของบุตรชายเอาไว้ เมื่ออายุครบเจ็ดปีเมื่อไหร่ พลังของเขาจะประทุออกมา เจ้าบอกไป๋หยางให้หาอะไรมาก็ได้ช่วยปกปิดพลังของเขาไม่ให้เทพเบื้องบนสัมผัสได้ หวังว่าเจ้าคงเข้าใจนะ"  อสูรตนนั้นที่อยู่ใกล้กับไป๋หยางก็ตอบกับไปแบบตะกุกตะกัก


 

"ขะ..ข้าน้อยทะ..ทราบแล้วขอรับ" มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ กลัวจนขึ้นสมองขนาดนี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตวิณญาณ ถ้ามาทั้งกายเนื้อล่ะ เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นเทพตัวเป็นๆ แถมยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย


 

"ถ้างั้นก็ดี ฝากบอกไป๋หยางด้วยว่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับบุตรของข้าเป็นอันขาด!!!"ราฟาเอลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง  


 

"ขะ ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ" เสียงของอสูรตนนั้นขานตอบ


 


 

"ข้าไปล่ะ ฝากลูกของข้าให้พวกเจ้าดูแลด้วยล่ะ" เมื่อกล่าวจบราฟาเอลก็กลายเป็นแสงแล้วหายไปเหลือเพียงเด็กทารกที่อยู่ในห่อผ้า ซึ่งกำลังหลับสนิท 


 

       " ข้าสลบไปได้อย่างไร เป็นฝันที่แปลกมากข้าฝันว่า ท่านราฟาเอล กับท่านเทพอัลบาร์มีบุตรด้วยกันซึ่งแน่แท้มันเป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นกฎเหล็กของสวรรค์   ฮ่าๆๆๆ ข้าแค่ฝันไปนี่เอง" 


 


 

เมื่อไป๋หยาง หัวเราะด้วยความดีใจจบแล้ว มันก็เหลือบไปเห็น เด็กทารกในห่อผ้าซึ่งเหมือนกับในฝันไม่มีผิดเพี้ยน ตัวมันเริ่มจะกล่าวอะไรออกมาแต่พวกอสูรองค์รักษ์ ก็เข้ามาซะก่อน...


 

 "ท่านเทพอสูรไป๋หยางท่านฟื้นแล้วข้าและอสูรตนอื่นๆช่วยกันนำพาท่านมาที่พำนักตอนที่ท่านหมดสติอยู่ ก่อนที่ ท่านราฟาเอลจะจากไป ท่านได้ฝากข้อความมาว่า  ท่านราฟาเอลได้ผนึกพลัง ของบุตรนางเอาไว้จนกว่าจะอายุ7 ปีเพื่อไม่ให้ เทพด้านบนสัมผัสพลังของเขาได้"


 

  เมื่อเทพอสูรไป๋หยางได้ฟังสิ่งที่อสูรตนนั้นพูดมันแทบจะเป็นลมอีกรอบแต่ยังดีที่มันพอมีสติ ประคองตัวเองไว้ได้ มันหันกลับมามองเด็กที่อยู่ในห่อผ้า แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา..


 

"เฮ้ออ ท่านอัลบาร์ นี่ท่าน คิดว่าข้าจะดูแลบุตรของพวกท่านได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ"


 


 

    เทพอสูรไป๋หยางได้แต่ถอนหายใจ และมองดูเด็กที่อยู่ในห่อผ้าด้วยสายตาที่ อ่อนโยน จน อสูรที่ใกล้ๆสังเกตุเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน แล้วได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้   " ปากบอกไม่แต่ใจกลับทำอีกอย่าง  เฮ้อ ปากช่างไม่ตรงกับใจจริงๆเลย" อสูรตนนั้นได้แต่คิดในใจ


 

อุแว้ อุแว้   เสียงเด็กทารก ร้องขึ้นมาทำให้เทพอสูรไป๋หยางต้องอุ้มขึ้นมาแล้วกล่อมให้เด็กทารกหยุดร้องไห้ ซึ่งแน่นอนการกระทำทั้งหมดล้วนประจักษ์ แก่สายตาของอสูรทุกตนที่อยู่ในนี้


 

   "พ่อจ๋า" นี้คือคำแรกที่เด็กทารกน้อยคนนี้พูดออกมาสร้างความตกตะลึงให้แก่เหล่าอสูรและรวมทั้ง ไป๋หยางเองด้วย    


 

"สมแล้วที่เป็นลูกของท่านทั้งสอง ขนาดเป็นทารกยังสามารถพูดได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เด็กทารกทั่วไปจะไม่สามารถสื่อสารได้จนกว่าจะห้าขวบ แต่นี้แค่ขวบเศษ สามารถสื่อสารได้แล้ว ช่างมีความสามารถอะไรเช่นนี้"


 


 

    เมื่อเด็กน้อยคนนี้ พูดคำว่า พ่อ ทำให้แววตาอ่อนโยนลงมาก และยิ้ม อ่อนๆ ในชีวิตนี้เทพอสูร ไป๋หยางไม่เคยมีบุตร นั้นทำให้จิตใจของไป๋หยางนั้น ยังมีช่องโหว่อยู่ แต่ตอนนี้ช่องโหว่นั้นได้โดนปิดทับไว้แล้วโดยเด็กทารกตัวน้อย ช่องโหว่ที่ได้รับการเติมเต็มนั่นก็คือ ความรัก การได้รับความรักจากคนอื่นซึ่งในชีวิตนี้มันไม่เคยได้ความรักจากใคร ยกเว้นเด็กน้อยคนนี้ที่ให้ความรักแก่ตน ทำให้ไป๋หยางอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อน...


 

  "เอาล่ะตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าชื่อ ไป๋หลง " เมื่อเทพอสูรไป๋หยางกล่าวออกมา อสูรตนอื่นๆ ก็ คุกเข่าคำนับ ไป๋หลง ในฐานะ นายน้อย ของป่าอสูร


 


 

กลับมาบัจจุบัน ณ ป่าอสูร..


 

      ตอนนี้เวลาผ่านมาห้าปีแล้ว ไป๋หลงมีเส้นผมสีดำ มันวาวที่ได้รับการดูแลอย่างดี สีผิวที่ขาวสะอาดสะอ้าน หากหญิงใดเห็นต้องอิจฉาเป็นแน่ ดวงตาสีแดง ราวกับอัญมณี  ขณะนี้ไป๋หลง อายุหกขวบแล้ว  ไปหล๋งเดินมาหาไป๋หยางซึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพ่อจริงๆของไป๋หลง แต่ ไป๋หลงยังไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในอดีตเพราะเทพอสูรไป๋หยาง คิดว่ายังไม่ถึงเวลา  ไป๋หลงเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องของไป๋หยาง  มีอสูรที่เป็นองค์รักษ์ เฝ้าอยู่หน้าประตู 2 ตน  เมื่อเห็นไป๋หลงเดินมา พวกมันทั้งสองตนก็ทำความเคารพไป๋หลง  ไป๋หลง ส่งยิ้มให้ อสูรทั้งสองตนก็เปิดประตู ให้ไป๋หลงเข้าไปในห้อง...


 


 

     "ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว  วันนี้ข้าไปเล่นไล่จับกับพวกพี่สัตว์อสูรด้วยล่ะแต่ไม่มีใครจับข้าได้สักคนเลยท่านพ่อ ข้าเก่งรึเปล่า" ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียง สดใส ทำให้ไป๋หยางฟังแล้วรู้สึกจิตใจสบายเป็นอย่างมาก ราวกับน้ำเสียงของเทพธิดาลงมาโปรด


 

     "ฮ่าๆๆๆ เจ้าเก่งมากเลยที่ไม่มีใครจับเจ้าได้ว่าแต่เจ้าทำอย่างไรถึง ไม่โดนจับล่ะลูกพ่อ ไหนบอกหน่อยสิว่าเจ้าทำเช่นไร"  ไป๋หยางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมถึงไม่มีใครจับลูกของตนได้ จึงเกิดความอยากรู้ เลยแกล้งถามไป๋หลงไป


 

    "ท่านพ่อคอยดู ข้าจะให้ท่านดู " เมื่อไป๋หลงกล่าวจบก็ทำบางอย่างให้ไป๋หยางดู ทำให้ไป๋หยาง ดูอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง...


 


 

  ย้อนกลับไป ตอนที่ ไป๋หลงเล่นไล่จับกับอสูรตนอื่นอยู่ เพราะไป๋หลงได้ชวนอสูรที่ทำหน้าที่ เฝ้าบริเวณนั้นอยู่ มาเล่นกับตน...


 

  " นี่ๆ พวกท่านมาเล่นกับข้าหน่อยได้ไหม ข้าเหงา" 


 

   ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนแบบเด็กๆ  เมื่อทหารยามที่เป็นอสูร ให้ไป๋หลง ชวนตนและคนอื่นๆ มันเลยตอบกลับไปว่า


 

"ได้ขอรับนายน้อย ว่าแต่ ท่านจะเล่นอะไรล่ะพวกข้าจะได้เล่นเป็นเพื่อน" 


 

   อสูรตนนี้มีรูปร่างผอมแห้ง แขนขาลีบ จนออกจะดูน่ากลัว แต่ไป๋หลงไม่ได้คิดว่ามันน่ารังเกียจเลย ไป๋หลงยื่นมือมาจับมือของอสูรตนนั้น ทำให้อสูรตนนั้นรู้สึกดีขึ้นไปอีกที่นายน้อยไม่ได้รังเกียจมัน แม้ว่าขนาดพวกเดียวกันยังไม่กล้าจะคุยด้วยเลย..


 


 

  "เรามาเล่นไล่จับกัน ข้าจะหนีส่วนพวกท่านจับข้าให้ได้ ขอให้พวกท่านใช้ความสามารถอย่างเต็มที่น่ะ เอาล่ะเริ่มได้"


 

     เมื่อสิ้นเสียงคำบอกกล่าว ของไป๋หลง  ไป๋หลงก็ได้หายไป อยู่ด้านหลังของพวกตน จนไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวได้ทัน!!

 

     "พวกท่านข้าอยู่ทางนี้ รีบๆมาจับข้าได้แล้ว" 


 

   ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทันใดนั้น อสูรห้าตน ก็ระเบิดพลัง ระดับราชันย์อสูรออกมา ไล่ตาม  ทั้งห้าตนเริ่มตามความเร็วของไป๋หลงทัน ซึ่งมันตกใจเป็นอย่างมาก ขนาดพวกมันระเบิดพลัง จนถึงขีดสุด แต่มิอาจตามความเร็วของไป๋หลงทัน  เมื่อไป๋หลงเห็นว่าอสูรทั้งห้า ใกล้จะเข้ามาถึงตน ไป๋หลงเลยคิดจะทำบางอย่าง..


 


 

   "เอาล่ะ สงสัยข้าต้องเอาจริงด้วยเช่น!!"


 


 

 ฟึบ!!


 

 

   ขณะนั้นเองพวกมันทั้งห้าตน  อ้าปากกว้างตกตะลึงจนตะโกนพร้อมกันว่า


 


 

"ปะ..ปะ ปีกกกกกก!! "  


 


 

      ตัดมาตอนบัจจุบัน   ตอนนี้ไป๋หลง ได้เอาปีก1ฝหนึ่งคู่ออกมาซึ่งมีสีขาวและสีดำมันวาว ข้างขวาคือปีกสีขาว ข้างซ้ายคือปีกสีดำ ระดับพลังของไป๋หลง เพิ่มขึ้นทันทีเมื่อนำปีกออกมา ทำให้ไป๋หยางถึงกับกุมขมับ...

  

    "เอาล่ะข้าจะบอกอะไรให้ฟังน่ะเมื่อเจ้าออกไปโลกภายนอกเมื่อไหล่ข้าขอสั่งเด็ดขาดห้ามเผยปีกให้ใครเห็นเด็ดขาด เข้าใจน่ะ" 


 

  ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไป๋หลงสังเกตุเห็นว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำจริงจัง


 

 "ขอรับข้าเข้าใจแล้ว" 


 

  ไป๋หลงเก็บปีกของตนเองทันทีพร้อมหันหน้าไปมองบิดาของตน...


 


 

  "เอาล่ะพรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกวิชากัน เจ้าเข้าใจน่ะ" 


 


 

   "ขอรับ"


 

    ไป๋หลงกล่าวตอบรับ..ก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องของตนและเริ่มนั่งทำสมาธิทันที...


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น