Aa
Aa
Aa

ตอนที่ 3

 

แทนลืมตาขึ้นมาและพบว่าตัวเองกำลังถูกอุ่มอยู่ให้อ้อมแขนชายชุดขนสัตว์สีขาว ผ่านไปสักพักแทนจึงทำความเข้าใจว่าตอนนี้เขาได้เกิดใหม่เป็นเด็กทารกแล้วนั่นเอง

“อ่า”แทนพยายามจะพูดแต่เสียงที่ออกมากลับไม่เป็นภาษา

ชายชุดขาวตกใจที่ได้ยินเสียงลูกชายของตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา

“นายน้อยพูดละ” สาวรับใช้ต่างพากันพูดถึงเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมแขนชายชุดขาว

“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”ชายชุดขาวออกคำสั่งต่อสาวใช้ที่อยู่ในห้องที่รอคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง พวกนางต่างโคงคำนับแล้วค่อยๆถอยออกจากห้องไป

“ท่านพี่ข้าจะให้เด็กคนนี้ชื่อว่าไป๋ซิง เขาจะเป็นดวงดาวสีขาวที่ส่องปะกายให้กับทุกคน”หญิงสาวที่อยู่บนเตียงพูดขึ้นมา

“เป็นชื่อที่ดีข้าชอบ ไป๋ซิงแปลว่าดวงดาวสีขาว ไม่ว่าเขาจะเติบโตเป็นคนอ่อนแอหรือคนแข็งแกร่งข้าอยากให้เขาเป็นดวงดาวสีขาวที่ส่องประกายตลอดไป” ชายชุดขนสัตว์สีขาวพยักหน้าเห็นด้วย

“ไป๋ซิงเป็นชื่อใหม่ของเราสินะ”ดวงตาของไป๋ซิงส่องปะกายต่อแต่นี้ไปนี่จะเป็นชื่อของเขาที่อยู่ในชาติภพนี้

ไป๋ซิงสำรวจชายชุดขาวที่อุ้มตัวเองอยู่ชายชุดขาวสมควรเป็นพ่อของเขา

แม้ว่าเขาพึ่งจะได้บุตรชายมาใบหน้าของชายผู้นี้ก็คงยังเย็นชาราวกับน้ำแข็งทำให้ผู้คนรู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้ มีแต่รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นตอนที่เขาพูดคำแรกเท่านั้น นอกจากนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงเย็นชา ชุดขนสัตว์สีขาวถูกตัดเย็บอย่างประณีตเรียบร้อยแตกต่างจากชุดของบรรดาสาวรับใช้ที่เพิ่งเดินออกไปจากห้องซึ่งแม้จะตัดเย็บขึ้นจากขนสัตว์เช่นเดียวกันแต่กลับดูด้อยค่ากว่ามากนัก

พอมองไปรอบๆห้อง เขาสังเกตเห็นข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้ไม่ว่าจะเป็นตู้โต๊ะเก้าอี้ล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากหินอ่อนสลักลวดลายสวยงาม

หญิงสาวที่หน้าตาสวยงามนอนพักอยู่บนเตียงที่ถูกปูไว้ด้วยขนสัตว์ขนาดใหญ่ยาวทั่วทั้งเตียงมองดูก็รู้สึกว่าเป็นของหายากราคาแพงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะหาได้

“สงสัยเขาจะเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยดูจากวัสดุตกแต่งห้องและเครื่องแต่งกายของคนเหล่านี้เหมือนกับคนในยุคกลางยุคสมัยที่ยังไม่ได้พัฒนาไปถึงไหนเลยนะ”ไป๋ซิงคิดอยู่ในใจของเขา

“ลูกของเราเป็นยังไงบ้าง”หญิงสาวที่อยู่บนเตียงถามขึ้นมา

“ลูกของเราสุขภาพแข็งแรงดี”สีหน้าของพ่อไป๋ซิงแม้จะเย็นชาแต่ยังมีร่องรอยความยินดีอยู่ในแววตาคู่นั้นของเขา

“เป็นอย่างที่พวกเราคิดเอาไว้ลูกเรามีสภาพร่างกายธรรมดา” ไป๋ฉีกล่าวตอบด้วยเสียงนุ่มนวลดวงตาของหญิงสาวปรากฏน้ำตาขึ้นมา

“ขอข้าอุ้มลูกหน่อย”

“เด็กดี”นางยื่นมือออกไปรับร่างของไป๋ซิงที่สามีของนางค่อยๆประคองส่งให้นางสายตาของนางจ้องมองไป๋ซิงด้วยความรักอันอบอุ่น

“รู้สึกว่าพวกเขาจะเสียใจกับตัวเรามากอยู่”ไป๋ซิงครุ่นคิดในใจของเขา

“ไป๋ฉีลูกของเราไม่แข็งแรงตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะให้ของบำรุงด้วยของวิเศษตามธรรมชาติหลายอย่างให้กับเขาแต่ก็ยังคงได้แค่ให้อาการของเขาทุเลาลงเท่านั้น”

ไม่แข็งแรงตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ของวิเศษตามธรรมชาติ

ตัวของเขาสตั้นไปชั่วขณะหนึ่งดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเขาในชาติภพนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว

“แบ แบ” ไป๋ซิงพยายามส่งเสียงว่าเขาไม่เป็นไรเขาจะพยายามให้เต็มที

“เด็กดีของแม่”หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจนางเล่นกับลูกของนางสักพัก

มารดาของไป๋ซิงลุกขึ้นมาจากเตียงอุ่มไป๋ซิงและเดินออกจากห้องโดยมีบิดาของเขาคอยประคับประคองอยู่ข้างเตียงแม้จะพึ่งคลอดบุตรชายออกมาก็ตามนางก็สามารถขยับร่างกายได้

“พวกเจ้าทำความสะอาดห้องให้สะอาดเรียบร้อย” ไป๋ฉีออกคำสั่งต่อสาวใช้ทั้ง3ที่ยืนอยู่นอกห้อง

ตรงระเบียงหน้าห้องมีจิ้งจอกขนสีขาวขนาดใหญ่ราวกับหิมะตัวหนึ่ง แววตาของจิ้งจอกดูอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่งนักแววตาของมันจ้องมองมายังไป๋ซิงแฝงไปด้วยความรักและเอ็นดู

หากมอกไปข้างนอกนั้นยังมีอีกายักษ์สีดำขนาดใหญ่อยู่บนหลังคามันชูคอขึ้นสูงในอากาศลำตัวปกคลุมไปด้วยขนสีดำเงาอีกาตัวนั้นค่อยๆโน้มศีรษะของมันลงมา

“ให้ตายเถอะ”ไป๋ซิงตกใจกลัวแทบตายถึงเขาจะเคยผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่ถ้าเห็นจิ้งจอกยักษ์สีขาวตัวนั้นยังพอว่าเขาเคยพบเห็นจิ้งจอกมากมายในสารคดีในชาติภพก่อนแต่ตัวที่ใหญ่โตอย่างกับอสูรกายยักษ์เช่นนี้ไม่น่าจะมีในโลกก่อนของเขา ส่วนอีกาตัวนี้นั้นไม่น่าใช่สัตว์ทั่วๆไปปีกของมันกว้างขวางใหญ่โตสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้กับอยู่บนหลังคาบ้านของเขา บ้านไม่พังลงมาหรอ

“นี่ลูกชายของพวกเราไป๋ซิงและจะเป็นสหายกับพวกเจ้านับจากนี้” ไป๋ฉีชี้ไปทางจิ้งจอกตัวใหญ่โดยไม่สนใจเลยว่าไป๋ซิงจะรู้สึกเยี่ยงไรเพราะเด็กแรกเกิดจะไปเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรบางทีผู้คนในโลกนี้คงเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติของพวกเขา

“ท่านไป๋หูสหายร่วมเป็นร่วมตายของบิดาท่านไป๋หูเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้นับแต่นี้ไปเจ้าต้องเคารพท่านไป๋หูดุจดังที่เจ้าเคารพบิดาผู้นี้”

จิ้งจอกสีขาวจ้องมองมาที่ไป๋ซิงจนเขาสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูในดวงตาคู่นั้นแต่จะให้เขาเรียกจิ้งจอกตัวนี้ว่าท่านไป๋หูจริงๆหรอ

ไป๋ซิงถึงกับงงไปเลยทีเดียว

“ไป๋ฉีลูกเราเพิ่งจะเกิดมาไม่กี่นาทีแล้วเขาจะเข้าใจที่ท่านพูดได้อย่างไร” มารดาของไป๋ซิงกล่าวขึ้นมา

“ต่อให้เขาจะยังไม่เข้าใจที่ข้าพูดก็ต้องบอกให้ไป๋หูได้รับรู้ไว้”

“เฮยเซ่อ”ไป๋ฉีมองขึ้นไปกล่าวกับอีกาตัวใหญ่

ร่างกายอันมหึมาของอีกาสีดำสลายกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำก่อนที่จะรวมตัวเป็นร่างของชายหนุ่มผมสีดำที่กำลังยิ้มแย้ม “ไป๋ฉีเวลาผ่านไปชั่วพริบตาท่านกลายเป็นบิดาคนเสียแล้วเจ้าหนูน้อยนี่ไม่ต้องกลัวท่านเฮยเซ่อผู้นี้หรอกนะ”คำพูดสุดท้ายของชายหนุ่มก้มมองหน้าไป๋ซิง

ไป๋ซิงยื่นนิ้วมือน้อยๆขึ้นไปหาท่านเฮยเซ่อ แต่ภาพที่ทุกคนเห็นนั้นช่างน่าเอ็นดูที่แขนเล็กๆนั้นพยายามจะแตะใบหน้าของเฮยเซ่อ

“พวกเราออกเดินทางได้แล้ว”ไป๋ฉีพูดขึ้นมา

อีกาสีดำที่กำลังหยอกล้อเล่นกับเจ้าหนูน้อยอยู่นั้นก็พยักหน้าแล้วกลับสู่ร่างเดิมกลายเป็นอีกาสีดำอีกครั้งและบินหายไปนอกกำแพงอย่างรวดเร็ว

ไป๋ซิงยังคงอยู่ในอารมณ์อกสั่นขวัญแขวนเขาพยายามจะห้ามไม่ให้สัตว์อสูรตัวใหญ่ที่กลายเป็นคนเข้ามาใกล้แต่กับเป็นความเข้าใจผิดนึกว่าเขาหยอกล้อเล่นด้วยชะงั้น

เกิดมายังไม่ถึงนาทีก็จะหัวใจวายตายซะแล้วโลกนี้ช่างอยู่ยาก

“ปีศาจ”

“หรือว่าสัตว์พวกนี้จะเป็นปีศาจทั่วไปของโลกใบนี้กัน”ไป๋ซิงเริ่มรับรู้แล้วว่าโลกใบนี้ ไม่ใช่โลกธรรมดาสามัญแต่กลับมีสิ่งมหัศจรรย์เกินกว่าจะจินตนาการนักในอนาคตไม่รู้ว่าเขาจะเจออะไรอีกเขาต้องพยายามปรับตัวและปรับใจให้ได้เสียแล้วไม่งั้นถ้าเขามีกี่ชีวิตก็ไม่พอเขาคงหัวใจวายตายอยู่หลายรอบแน่ๆ

คู่สามีภรรยาอุ้มเด็กทารกในอ้อมแขนและจิ้งจอกตัวใหญ่ติดตามอยู่ด้านข้างทั้งหมดนั้นเดินทางไปสู่สวนขนาดใหญ่

ภายในสวนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวผู้คนหลายสิบคนกำลังสนทนากันท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนาขององครักษ์เกาะดำจำนวนมากแต่ละคนล้วนครอบครองสิ่งมีชีวิตประหลาดนานาชนิด

ไป๋ซิงเริ่มเข้าใจในทันทีว่าไม่ใช่บิดาของเขาเท่านั้นที่แปลกประหลาดแต่เป็นเรื่องปกติของผู้คนในโลกนี้จะเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้กับตัว

ถ้าเป็นโลกก่อนถ้ามีสัตว์ประหลาดเลี้ยงไว้คงจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแน่ๆ เปลี่ยนให้คนผู้นั้นดังชั่งข้ามคืน

คู่สามีภรรยาเดินมาถึงสวนขนาดใหญ่มีผู้คนรายล้อมอยู่รอบด้านผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หน้าตาดุร้ายร่างกายแข็งแกร่งราวกับเสือ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาแต่งกายด้วยชุดขนสัตว์ที่ตัดเย็บอย่างสวยงามมีเพียงสตรี3คนที่แต่งกายด้วยชุดที่สร้างขึ้นจากใยผ้าหรือเส้นไหม

ข้างหน้ามีชายชราเส้นผมสีเงินเดินออกมารับพวกเขา

“ไป๋ฉีมาให้ข้าอุ้มหลานของข้าบ้างสิข้าอยากจะเห็นหน้าหลานจะตายอยู่แล้ว”

สตรี3คนหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของชายชรา

“ท่านจะรีบไปทำไม”หนึ่งในสตรี3คนกล่าวขึ้นมา

ไป๋ฉีเดินเข้าไปหาชายชราอย่างช้าๆ“ท่านปู่”ไป๋ฉีพยักหน้าแล้วรับเด็กทารกจากภรรยาส่งให้กับชายชราอย่างระมัดระวัง

“ช่างน่ารักน่าชังเสียจริง”ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าที่มีความสุข

“ไป๋ฉีตามกฎของตระกูลเรานั้นตำแหน่งของผู้ดูแลเขตปกครองจะต้องเปลี่ยนทุก100ปีข้าเองก็รั้งตำแหน่งนี้มา80ปีแล้ว ส่วนเจ้าก็ยังยืนยันแต่จะไล่ตามวิถีแห่งความเป็นอมตะเมื่อเจ้ามีผู้สืบสกุลข้าก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยลูกชายของเจ้าคงจะได้เป็นผู้ดูแลเขตปกครองตะวันตกแห่งตระกูลไป๋สืบต่อจากข้า”

ไป๋ซิงเกิดมาไม่ทันไรก็จะได้เป็นผู้ดูแลเขตปกครองแล้วเขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานะที่สูงส่ง

จะไม่ให้เขารู้ได้ยังไงดูจากท่าทางของคนรับใช้และองครักษ์เกราะดำแล้วตระกูลของเขาคงจะไม่ธรรมดาเป็นแน่

“พี่ใหญ่เรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ทำไมถึงตัดสินอย่างง่ายดายเช่นนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้จะมีความสามารถเพียงพอหรือไม่ถ้าอ่อนแอก็จะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย”

ไป๋ซิงจ้องมองไปทางต้นเสียงและพบว่าผู้ที่กล่าววาจาเป็นชายชราผมแดงที่มีรังสีพุ่งออกมาจากร่างกายเมื่อชายชรากำลังเดินเข้ามาใกล้ๆเขาปรากฏเห็นงูสีแดงเพลิงขนาดเท่านิ้วก้อยอยู่บริเวณหูของเขา

ชายชราผมสีเงินแผ่พุ่งพลังของเขาเข้าไปตรวจสอบร่างกายของไป๋ซิงทันทีทันใดนั้นเองสีหน้าของชายชราผมเงินแปรเปลี่ยนไปชายชราแทบไม่เชื่อสัมผัสของตนเองนี่คือบุตรชายของไป๋ฉี

ผู้อาศัยเพลงกระบี่หยาดน้ำแข็งโปรย ที่ต่อสู้กับผู้คนสัตว์ร้ายและอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนจากยอดเขาสูงจนถึงใต้ท้องทะเลสาบของเขตปกครองตะวันตกจนได้รับฉายาว่ากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรย

ชื่อเสียงของเขานั้นกระจายไปทั่วมากกว่าเขาเสียอีก

ชายชราผมสีแดงหัวเราะเยาะ เหมือนกับว่าเขาจะทราบเรื่องของไป๋ซิงอยู่ก่อนแล้ว เขาได้ติดตามเรื่องของไป๋ฉีอย่างใกล้ชิดและได้รู้ว่าเขาหาของพิเศษตามธรรมชาติเพื่อให้บุตรชายของเขาตอนที่อยู่ในครรภ์ เขารู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้มีปัญหาอะไร

“ความสามารถของเด็กคนนี้นั้นธรรมดามากแล้วจะให้ผู้คนในตระกูลตลอดจนชนเผ่าต่างๆอยู่ภายใต้การปกครองของเขาได้อย่างไรท่านจะไม่ลำเอียงเกินไปรึ”

พริบตานั้นเองบุคคลสำคัญของตระกูลที่มารวมตัวกันเริ่มส่งเสียงคัดค้าน

“ท่านผู้ดูแลเด็กผู้นี้คงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้ดูแลเขต”

“เรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน”

“หุบปาก”ไป๋ฉี ปล่อยรัศมีแรงกดดันออกไปทั่วบริเวณความสงบเริ่มเข้ามาปกคลุมทั่วพื้นที่ทันที

“ที่นี่คือตระกูลไป๋เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้พวกเราหุบปากบุตรชายของเจ้าไม่มีความสามารถเพียงพออาศัยความสามารถของเจ้าที่ทำให้แก่ตระกูลของเราย่อมไม่มีใครกล้าคัดค้านแต่นี่เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเขาจะรักษาชนเผ่าน้อยใหญ่ภายใต้ร่มธงของตระกูลไป๋ได้ยังไงเขาจะอาศัยอะไรมาช่วยเราต่อต้านการรุกรานจากศัตรูของเรารอบทิศทางเขาจะอาศัยอะไรปกป้องพวกเราจากการกวาดล้างของสัตว์อสูรที่จะออกอาละวาด”ชายชราผมแดงกล่าวคัดค้านอย่างรุนแรง

“พวกท่านไม่ต้องห่วงข้าจะเป็นผู้จัดการสัตว์อสูรเหล่านั้นเอง”ไป๋ฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายชราผมแดงได้แต่ยอมรับไม่กล้าโต้เถียงอะไรอีก

การต่อสู้กับสัตว์อสูรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะสัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองการจะสังหารสัตว์อสูรสักตัวนั้นนับได้ยากยิ่งนัก

“พวกเจ้าพอได้แล้วเด็กคนนี้เพิ่งถือกำเนิดเท่านั้นเองในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

คืนนี้เราจะจัดงานฉลองที่ห้องโถงหิมะโปรยตอนนี้พวกเจ้าจงแยกย้ายกันไปก่อน” ชายชรากล่าวออกมาและสั่งทุกคนร่วมงานเลี้ยงฉลอง

“ตกลงตามนั้น” ไป๋หลี่ตอบรับและเดินจากไปเป็นคนแรกจากนั้นบุคคลสำคัญกว่าครึ่งก็ติดตามเขาออกจากสวนไปทันที

“เกิดมาไม่ทันไรตัวเองก็อยู่ในการต่อสู้แย่งชิงสมบัติในตระกูลแล้วเรา”

ส่วนไป๋ซิงนั้นไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่นักไม่ว่าจะมีพรสวรรค์แค่ไหนแต่มันจะสู้ระบบของเขาได้ยังไงไม่ว่าจะในนิยายหรือการ์ตูนพระเอกที่มีระบบอยู่กับตัวนั้นไร้เทียมทานไร้ผู้ต้าน

ถึงเขาจะยังไม่รู้ว่าระบบของเขานั้นสามารถทำอะไรได้บ้างแต่เขาก็รู้สึกว่ามันมีอำนาจมากมาย

ไป๋ซิงเอื้อมมือไปจับใบหน้าของชายชรา ชายชราสัมผัสได้ถึงมือเล็กๆเหมือนมือเล็กๆนี้จะปลอบใจเขามันทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือเล็กๆคู่นี้เขายื่นนิ้วไปสัมผัสกับมือเล็กๆนั้น

*********************************************************************

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่องทางyoutube ด้วยนะครับ

ช่อง เล่าไปเรื่อย Channel

https://www.youtube.com/channel/UCq0jhJfgu3BFHkCtMgcTBcQ

 

Comment

  • ไม่มีคอมเม้น