สำนักเสวี่ยเจี้ยนเป็นสำนักชั้นหนึ่งแห่งรัฐกานกั๋ว หลังจากก่อตั้งสำนักมาเป็นเวลาพันปีก็ไม่เคยเกิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาก่อน!
ซีซี ศิษย์หลักที่ทั้งสำนักมองว่าเป็นลูกรักและมีสติปัญญาล้ำเลิศในด้านบำเพ็ญเพียรรวมทั้งการกลั่นยา ถูกศิษย์นอกสำนักที่เอาแต่นั่งกินนอนกินเรียกใช้ประหนึ่งบ่าว
ศิษย์นอกสำนักนามโม่เหลียงผู้นี้ไม่เพียงให้ซีซียกชาส่งน้ำเท่านั้น แต่ยังจิกหัวใช้นางอีกด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังให้ซีซีทำอาหาร ซักผ้า ปูเตียง และพับผ้าห่มให้เขา...ช่างเป็นการกระทำไร้ยางอายอย่างเห็นได้ชัด!
แม้ตัวซีซีเองจะไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่นางกลับมีความสุขเสียด้วยซ้ำไป ทว่าในสายตาศิษย์มากมายแห่งสำนักเสวี่ยเจี้ยนนั้น คางคกอายุสิบห้าที่เพิ่งมีระดับพลังกายขั้นสองอย่างโม่เหลียงเหมาะสมที่จะได้รับการปรนนิบัติใกล้ชิดจากซีซีหรือไม่?
บางทีอาจเป็นความริษยาที่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง หรืออาจเป็นคนชั่วที่หยิ่งในศักดิ์ศรีราคาถูก อย่างไรก็ตาม มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เกลียดชังและเคียดแค้นโม่เหลียงยิ่งนัก
โดยเฉพาะวันนี้ สำนักเสวี่ยเจี้ยนได้เรียกศิษย์ที่มีอายุต่ำกว่าสิบหกปีทั้งหมดมารวมตัวกัน ผู้ที่ผ่านการประเมินจะได้แข่งขันเพื่อช่วงชิงสิทธิ์ในการเข้าร่วมการทดสอบสามสำนัก การที่โม่เหลียงไม่มาก็นับว่าแล้วไป มิมีผู้ใดสนใจเขา แต่สิ่งที่น่ารังเกียจคือเขาไม่ยอมให้ซีซีเข้าร่วม กระทั่งข้ออ้างก็โง่เง่าหาใดเปรียบ เขาบอกว่าซีซีจะโม่นมถั่วเหลืองให้ดื่มวันนี้จึงไม่มีเวลาว่าง
เมื่อผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการประเมินทราบข่าว ปากของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
ซีซีเป็นอัญมณีที่ส่องประกายมากที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นหลังของสำนักเสวี่ยเจี้ยน นางซึ่งอายุสิบสามปีได้บำเพ็ญเพียรจนถึงระดับพลังกายขั้นเจ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่หาได้ยากยิ่งกว่าคือนางยังเป็นนักกลั่นยาระดับหวงขั้นกลางอีกด้วย หากซีซีไม่เข้าร่วมการทดสอบสามสํานักในครั้งนี้ สำนักเสวี่ยเจี้ยนของพวกเขาจะต้องถูกศิษย์อีกสองสํานักที่เข้าร่วมการทดสอบสามสำนักอย่างสำนักเหลยอู่และสำนักเทียนเหยียนเอาชนะอย่างแน่นอน
สํานักเสวี่ยเจี้ยนเป็นสำนักชั้นหนึ่งแห่งรัฐกานกั๋วเช่นเดียวกับสำนักเหลยอู่และสำนักเทียนเหยียน พวกเขามีอิทธิพลคุมเชิงสามเส้าในพรมแดนรัฐกานกั๋ว มักชิงดีชิงเด่นอย่างเปิดเผยและลับหลัง โดยหวังว่าจะสามารถบดบังฝีมือของอีกสองสำนักได้
แม้การแข่งขันในบรรดาศิษย์ของสำนักเสวี่ยเจี้ยนจะดุเดือด แต่ความรู้สึกอยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศของพวกเขายังคงแข็งแกร่งยิ่งนัก ทุกคนหวังว่าซีซีจะสามารถเข้าร่วมการทดสอบสามสำนักและช่วงชิงเกียรติยศให้กับสำนักได้ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าโม่เหลียงผู้นี้จะเข้ามาขัดขวาง
หลังจากการประเมินเสร็จสิ้น ภายใต้การอนุญาตของผู้อาวุโส ศิษย์นอกสำนักห้าถึงหกคนที่อดทนโม่เหลียงมานานก็รวมกลุ่มกัน พวกเขาต้องการให้บทเรียนแก่โม่เหลียง...
ตะวันบ่ายคล้อยทอดเงาบนต้นไม้และผืนหญ้า สายลมแผ่วเบาช่วยพยุงต้นไผ่ดำเอาไว้ ในช่วงฤดูร้อนของเดือนเจ็ด กระทั่งสายลมยามเย็นก็ยังนับว่าอบอ้าว
ดรุณวัยเจตนาร้ายกลุ่มหนึ่งเดินผ่านป่าไผ่ดำอันเงียบสงบและได้พัดพาคลื่นความร้อนมายังลานกว้างที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
จะเห็นได้ว่าใต้ต้นไหว* ต้นใหญ่ในลาน เด็กสาวงดงามผู้มีใบหน้ารูปไข่และดวงตาสีผลซิ่งในฤดูใบไม้ร่วงอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ปีผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า
เด็กสาวอาภรณ์สีครามสวมรองเท้าสีเขียวชอุ่ม ข้างรองเท้าปักรูปนกคีรีบูนเอาไว้ ขาข้างหนึ่งของนางไขว้ขาอีกข้างหนึ่งพลางแกว่งไปมา
สายตาของนางเอาแต่จับจ้องอยู่บนนกคีรีบูนข้างรองเท้า แม้จะได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอกลาน นางก็ไม่คิดเบนสายตาออกไปแม้แต่น้อยเช่นกัน ลักยิ้มน่ารักทั้งสองค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า เด็กสาวยิ้มเบาๆ พวงแก้มอันไร้เดียงสาของนางยังแต่งแต้มด้วยรอยกระที่มองไม่เห็นเล็กน้อย เด็กสาวมิอาจนับว่างดงามมากนัก แต่ก็บริสุทธิ์และมีเสน่ห์เช่นเดียวกัน
“ศิษย์น้องซีซี ศิษย์น้องโม่เหลียงอยู่หรือไม่?” เด็กหนุ่มหน้าขาวผู้หนึ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้าพลางเอ่ยถามเด็กสาวด้วยสีหน้าอบอุ่น
ซีซีไม่หันศีรษะกลับมาเช่นเคย นางเอ่ยเบาๆ เพียงว่า “คุณชายยังไม่ควรตื่น หากพวกท่านต้องการพบคุณชายล่ะก็ อีกหนึ่งชั่วยามให้หลังค่อยกลับมาเถิด”
เด็กหนุ่มหน้าขาวปราดมองดวงตะวันที่จวนจะลับขอบฟ้า ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย สีหน้าของบรรดาศิษย์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน
นี่มันกี่ยามแล้ว! ยังไม่ตื่นอีก!
“ศิษย์น้องซีซี ผู้อาวุโสเรียกด่วน เวลาไม่คอยท่าล่ะ เจ้าไปเรียกศิษย์น้องโม่เหลียงให้หน่อยได้หรือไม่?” แม้ว่าเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้จะเกลียดชังโม่เหลียง แต่เขากลับอ่อนโยนต่อซีซีเป็นพิเศษ และพยายามแสดงท่าทีของสุภาพบุรุษผู้ถ่อมตนออกมา
“มิได้” ซีซีส่ายศีรษะพลางจุปากเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “มิอาจรบกวนขณะที่คุณชายกำลังหลับได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ด้านหลังเขานำมาซึ่งความไม่สงบพักหนึ่ง
พวกเขาอยากถีบประตูที่ปิดอยู่ออก จากนั้นลากโม่เหลียงเข้าไปกระทืบเหมือนหมูในป่าไผ่ดำ แต่พวกเขาต้องคำนึงถึงตำแหน่งในสำนักรวมทั้งกำลังของตน ดังนั้นจึงไม่สามารถลงมือได้...
สายลมยามเย็นอันเหนอะหนะพัดผ่านมา ชายผู้นี้ทำได้เพียงกล้ำกลืนก่อนพึมพำเสียงดังเพื่อระบายความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มอกออกไป
“เอี๊ยดอ๊าด...”
เสียงผลักประตูดังขึ้น เหล่าศิษย์เคลื่อนสายตามองไป กระทั่งซีซีที่เอาแต่ก้มหน้ามองดอกไม้สีเหลืองข้างรองเท้าก็ยังหันมาด้วยความยินดีเช่นกัน
ทุกคนเห็นเพียงเด็กหนุ่มร่างผอมบางผมกระเซิงสวมอาภรณ์สีขาวรุ่ยร่ายผู้หนึ่งเดินหาวออกมาจากห้อง เด็กหนุ่มเปลือยอกและครึ่งต้นขา เผยให้เห็นขนขาอันเบาบาง เห็นได้ชัดว่าใบหน้าหงอยเหงานั้นคือลักษณะที่ยังไม่ตื่นนอน
หากยืนกรานจะกล่าวว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีส่วนใดที่ค่อนข้างพิเศษ นั่นก็คือดวงตาของเขา โดดเด่นมีชีวิตชีวา สุกใสราวกับทางช้างเผือก ทำให้ผู้ที่สบตาจิตใจสั่นไหวอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือโม่เหลียง
“คุณชาย ไยวันนี้จึงตื่นเช้าเช่นนี้?” ซีซีกระโดดลงจากชิงช้าเบาๆ ก่อนกระโดดไปยังด้านข้างของโม่เหลียง ดวงเนตรรูปผลซิ่งหรี่ลงเป็นจันทร์เสี้ยวสีเงินพลางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ด้านนอกเสียงดังถึงเพียงนี้จะให้หลับสบายได้อย่างไร? วันนี้ก็เอาเช่นนี้เถิด หลับเก้าชั่วยามเต็มอิ่มก็พอแล้ว” โม่เหลียงบิดขี้เกียจ ภายในเสื้อเปลือยอกเผยให้เห็นรูปร่างผอมกะหร่องราวกับกระดูกซี่โครง
บรรดาศิษย์ต่างพากันเบ้ปากและกลอกตา
ซีซีเพิ่งบอกว่าต้องใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วยามโม่เหลียงจึงจะตื่นนอน ยามนี้โม่เหลียงยังบอกว่าเขานอนหลับเพียงเก้าชั่วยามก็เต็มอิ่มแล้ว หากคิดเช่นนี้ รู้สึกว่าในสิบสองชั่วยามเขาต้องนอนวันละสิบชั่วยามขึ้นไปจึงจะนอนเต็มอิ่มอย่างนั้นรึ!?
เด็กหนุ่มหน้าขาวนามหูหนานกลอกตากลับมาพลางก้าวขึ้นไปด้านหน้า “โม่เหลียง การทดสอบสามสำนักกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วัน กำลังคนในสำนักไม่เพียงพอ ผู้อาวุโสจึงเรียกให้เจ้าออกไปช่วย”
โม่เหลียงหันศีรษะ สายตากวาดไปทั่วใบหน้าของพวกหูหนาน เขายิ้มพลางเอ่ย “พึงกระทำ ด้วยกำลังที่มีอันน้อยนิดของข้าเพื่อสำนักแล้ว ข้าก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้”
พวกหูหนานยิ้มแหย ทว่าภายในใจกลับเหยียดหยามมากขึ้นเมื่อคำพูดอันเด็ดเดี่ยวเหล่านี้ออกมาจากปากของโม่เหลียง ดูเหมือนสีหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ช่างพิลึกกึกกือไม่จบสิ้น
นับตั้งแต่ที่โม่เหลียงเข้ามาในสำนักเป็นเวลาหนึ่งปี เขาไม่เคยทำหน้าที่หรืองานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จเลยสักครั้ง ทุกงานมอบหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้นทำให้สำนักต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นให้เขาไปทำงานเบ็ดเตล็ดของศิษย์ก็แล้วกัน ทว่าเจ้าคนผู้นี้กวาดพื้นก็สามารถทำกระถางวิญญาณเคลือบดินเผาของผู้อาวุโสเก๋อแตกได้! ยามลาดตระเวนก็ล้มตัวลงนอนอยู่ข้างถนนกลางดึก ทำไฟในตะเกียงลาดตระเวนจุดสวนยาของผู้อาวุโสห่าวลุกเป็นไฟ...
แม้โม่เหลียงจะทำผิดใหญ่หลวง แต่ทว่ามีซีซีคอยปกป้องเขาอยู่ เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าทำอันใดกับโม่เหลียง เหล่าผู้อาวุโสตะคอกใส่โม่เหลียงสองประโยคก็ถูกสาวน้อยผู้นี้ผูกใจเจ็บ เอะอะไม่บำเพ็ญเพียรหนึ่งเดือน ไม่กลั่นยาสองเดือน ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสวิ่งเต้นกันอย่างร้อนใจ ในที่สุดก็ต้องบากหน้าไปขอร้องโม่เหลียง เมื่อมองดูซีซีที่ทำตามอำเภอใจกำลังหัวเราะครืนอย่างปิติเพียงเพราะสองสามคำของโม่เหลียง เหล่าผู้อาวุโสเฒ่าต่างสบตากันแวบหนึ่ง ช่างทำเอาชายชราซาบซึ้งเสียจนน้ำตาไหลอาบหน้ายิ่งนักล่ะ...
“นมถั่วเหลืองต้มเสร็จแล้ว คุณชายดื่มให้หมดแล้วค่อยไปเถิด” เมื่อเห็นว่าโม่เหลียงกำลังจะออกไปกับพวกหูหนาน ซีซีจึงรีบร้อนเอ่ย
“อากาศร้อนเกินไป เจ้าตักมาแล้วช่วยข้าเป่าให้เย็น เมื่อกลับมาข้าจะสามารถดื่มได้พอดี” โม่เหลียงโบกมือก่อนเอ่ยสำทับอย่างลวกๆ
“เจ้าค่ะ” ซีซีเผยเขี้ยวหมาที่น่ารักทั้งสองซี่พลางหัวเราะคิกคัก นางผงกศีรษะอย่างน่าเอ็นดู จากนั้นกระโดดโลดเต้นวิ่งไปยังบ้านหลังเตี้ยที่อยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หูหนานซึ่งอยู่ด้านข้างก็เบ้ปากพลางแสดงสีหน้าตะลึงงัน ไฉนซีซีผู้เย็นชาและไม่สนใจไยดีพวกเขาจึงดีกับเจ้าเด็กโม่เหลียงล่ะ?
แม้ก่อนเข้าสำนักพวกเขาจะอยู่ในความสัมพันธ์นายบ่าว ทว่าในปีที่ผ่านมา ฐานะของทั้งสองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง ขยะผู้หนึ่งซึ่งมีระดับพลังกายขั้นสองพอที่จะกล้อมแกล้มรักษาฐานะศิษย์นอกสํานักไว้ได้ก็เพราะซีซี และศิษย์หลักผู้เป็นหนึ่งที่ไม่ว่าจะบำเพ็ญเพียรหรือกลั่นยาก็ล้วนมีสติปัญญาล้ำเลิศ ดาวดวงใหม่ของสำนักที่ค่อยๆ เลื่อนขั้นทำให้ทั้งสองฐานะมิอาจเทียบกันติดมานานแล้ว
ทุกคนเชื่อว่าขอเพียงซีซีเอ่ยวาจา ทั้งสำนักเสวี่ยเจี้ยนจะไม่สนใจเรื่องนายบ่าวใดทั้งสิ้น พวกเขาจะทุบตีโม่เหลียงอย่างไม่ปราณี จากนั้นขับไล่และโยนเขาออกจากสำนักเสวี่ยเจี้ยนทันที
ทว่าซีซีปรนนิบัติรับใช้โม่เหลียงเป็นคุณชายและทำตามคำสั่งของโม่เหลียงมาโดยตลอด ผู้ใดต่างก็จนปัญญา...
โม่เหลียงเดินตามหลังพวกหูหนานออกจากลานและเข้าไปในป่าไผ่ดำ
ระหว่างที่เดินไป ศิษย์ทั้งห้ากระจายตัวออกอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้โม่เหลียงอยู่ตรงกลางเพราะกลัวว่าโม่เหลียงจะหนีไป
ในทางกลับกัน โม่เหลียงไขว้มือไว้หลังศีรษะ เขาผิวปากพลางเดินอย่างไม่แยแส ท่าทางไม่รู้เรื่องราวเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเหอะในใจเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าโม่เหลียงผู้นี้ไม่ค่อยถูกทุบตี และคิดจริงๆ ว่ามีซีซีคอยปกป้องอยู่จึงมิมีผู้ใดกล้าทำอันใดเขา!
หากไม่ฉวยโอกาสนี้สั่งสอนเจ้าเด็กนี่ให้หนำใจ เขาก็จะไม่ทราบเหตุผลว่าไยถึงต้องโดนเช่นนี้แล้ว
เมื่อเห็นว่าพวกหูหนานกำลังพาตนไปยังส่วนลึกของป่าไผ่ดำ คิ้วของโม่เหลียงขมวดเล็กน้อย ท่าทางเพิ่งรู้ทันเหตุการณ์
“มีผู้อาวุโสอาศัยอยู่ทางนี้หรือ? ไยข้าจึงจําไม่ได้” โม่เหลียงเอ่ยอย่างสงสัย
หูหนานหัวเราะหึหึ “ที่แห่งนี้แหละ คงไม่มีผู้ใดพบได้แล้ว”
“หูหนาน ท่านหมายความว่าอันใด?” โม่เหลียงมุ่นคิ้วเล็กน้อย
ยามนี้ศิษย์ทั้งหกรวมทั้งหูหนานหยุดฝีเท้าลง พวกเขากอดอกก่อนยิ้มอย่างมีชัย มองดูโม่เหลียงที่ถูกพวกเขาล้อมเอาไว้ราวกับกำลังมองดูลูกแกะที่ถูกฝูงหมาป่าล้อมและรอเวลาที่จะถูกฆ่า
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะหลอกเจ้าเด็กโง่ออกมาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ พวกเขาอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าขยะสมองกลวงอยู่รอดในสำนักถึงหนึ่งปีได้อย่างไร?
หูหนานไม่ตอบคำถามของโม่เหลียง เขาขบคิดพลางมองโม่เหลียงอย่างแน่วแน่ก่อนเอ่ย “ไยเจ้าจึงไม่ให้ซีซีไปเข้าร่วมการประเมิน?”
“นี่เกี่ยวอันใดกับท่านหรือ?” โม่เหลียงชำเลืองมองหูหนานแวบหนึ่ง
หูหนานฮึดฮัดเสียงหนึ่ง “เจ้าไม่บอกข้าก็รู้ว่าเพราะเหตุใด การทดสอบสามสำนักต้องใช้เวลาร่วมสามเดือน หากไร้ศิษย์น้องซีซีถือหางเจ้าที่เป็นขยะซึ่งไม่มีผู้ใดต้องการแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงจะถูกกระทืบตลอดทั้งสามเดือนเลยกระมัง”
โม่เหลียงทอดถอนใจเบาๆ สายหนึ่งก่อนส่ายศีรษะมิเอ่ยอันใด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หูหนานที่คิดว่าเขาพูดจี้จุดโม่เหลียงเข้าจึงหัวเราะเสียงดังยิ่งขึ้น “วันนี้ข้าหูหนานอยากให้เจ้าได้รู้ แม้จะมีศิษย์น้องซีซีอยู่ นางก็มิอาจปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา เป็นขยะก็ควรเจียมตน!”
พวกหูหนานยิ้มหยันไม่ขาดสาย พวกเขาคันไม้คันมือยิ่งก่อนพากันล้อมโม่เหลียงเอาไว้
ทว่ากลับเห็นเพียงมุมปากของโม่เหลียงฉีกยิ้มออกมาในพลัน เผยให้เห็นฟันสีเงินเรียงรายแบบที่สามารถมองเห็นถึงฟันกรามด้านหลังได้
ดวงตาโดดเด่นมีชีวิตชีวาสุกใสราวกับทางช้างเผือกคู่นั้นของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงสะเทือนฟ้าพลิกแผ่นดินในชั่วพริบตา มีความสับปลับของจิ้งจอกรวมทั้งความละโมบเหี้ยมโหดของหมาป่าในเวลาเดียวกัน!
*ต้นไหว คือต้นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งของจีน มีใบซ้อนดอกสีเหลืองอ่อน ผลเป็นฝักกลมยาว ไม้ใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ ดอกและผลนำมาผลิตเป็นวัสดุสีเหลือง ดอกและผลรวมทั้งรากใช้เป็นยาสมุนไพร
ไม่มีคอมเม้น